พัทยา-(16 ส.ค. 59) พ.ต.ท.วินัย โห้เหรียญ สว.(สอบสวน) สภ.หนอปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รบแจ้งเหตุรถพ่วง 18 ล้อชนท้ายรถบรรทุกทุก 18 ล้อ เกิดเพลิงลุกไหม้ มีผู้ติดอยู่ภายใน เหตุเกิดบนถนนหลวงหมายเลข 36ฝังขาเข้าระยอง ม.6 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยาและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลหนองปรือและเทศบาลโป่งรีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถพ่วงบริษัทเอสซีจี หมายเลขทะเบียนสวนหัว71-8870 ชลบุรี หมายเลขส่วนหาง 71-3738 ชลบุรี ชนเข้าที่ด้านท้ายรถพ่วงบรรทุก 18 ล้อบรรทุกเกลือ หมายเลขส่วนหัว 85-41180 ชลบุรี หมายเลขส่วนหาง 85-6400 ชลบุรี ได้รับความเสียหายยับเยิน จอดขวางถนนทั้ง 3 เลน จนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทำให้รถติดยาวกว่า 3 กิโลเมตร จนเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯใช้รถน้ำ 38 คัน ระดมฉีดน้ำระงับเปลวเพลิง ใช้เวลากว่า 20 นาทีเพลิงจึงดับลง ตรวจสอบภายในรถบรรทุกของบริษัทเอสซีจี พบร่างผู้ขับขี่ติดอยู่ภายในซากรถถูกไฟคอกจนไหม้เป็นตอตะโก เสียชีวิตอยู่ที่เบาะคนขับ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯใช้อุปกรณ์ตัดถ่างงัดนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากตัวรถ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง
สอบถามนายบุญส่ง เบี้ยกระโทก อายุ 41 ปีโชเฟอร์รถบรรทุกเกลือทราบว่า ได้ขับรถบรรทุกเกลือมาประมาณ 50 ตัน จากศรีราชา มุ่งหน้าเขตเมืองระยอง จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นช่วงขึ้นเนินและมืดมาก ก็รู้สึกว่าถูกชนเข้าทางด้านหลังอย่างรุนแรงจนรถไม่สามารถวิ่งต่อได้ ก่อนมีเสียงระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงตนเองจึงรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกจากตัวรถ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือดังกล่าว
เบื้องต้น พ.ต.ท.วินัย โห้เหรียญ สว.(สอบสวน)เจ้าของคดี ได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน สาเหตุคาดว่าผู้ขับขี่น่าจะเกิดความเพลียจากการขับรถและหลับในจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุสลดดังกล่าว ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้มอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯเก็บรักษายังโรงพยาบาลบางละมุง เพื่อให้ญาติรอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยา-(16 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 20.00 น.ร.ต.อ.วิษณุ ไชยสุวรรณ รอง สวป. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบชาวต่างชาติแบกกระเป๋าสีดำใบใหญ่วางทิ้งไว้จำนวน 2 ใบ ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส พัทยาเหนือ ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบนายดำรง หวังสุดแดง รปภ.ของศาลาว่าการเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ช่วยกันกันคนออกห่างจากกระเป๋าต้องสงสัยสีดำจำนวนสองใบ โดยใบแรกถูกวางทิ้งที่ใต้โคนต้นเสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนนห่างจากศาลาว่าการเมืองพัทยาเล็กน้อย ส่วนอีกใบพบที่บริเวณหน้าห้างเทสโก้โลตัสตรงข้ามศาลาว่าการเมืองพัทยา
ตรวจสอบพบว่าผู้ที่นำมาวางไว้คือชาวต่างชาติทราบชื่อภายหลังคือ MR.BEUKES JOHANNES MATTHYS อายุ 58 ปี ประเทศแอฟริกาใต้ หลังจากนั้นตรวจสอบภายในกระเป๋าพบว่าภายในกระเป๋าเป็นเพียงขวดน้ำและกระเป๋าเปล่า จึงได้ควบคุมตัวชาวต่างชาติคนดังกล่าวไว้แต่ก็ยังสื่อสารกันไม่เข้าใจ
สอบถามนายดำรง หวังสุดแดง รปภ.ศาลาว่าการเมืองพัทยา ทราบว่า ตนเองได้สังเกตเห็นชาวต่างชาติคนดังกล่าวท่าทางต้องสงสัย แบกกระเป๋าใบใหญ่สองใบเดินวนไปวนมาอยู่หน้าศาลาว่าการเมืองพัทยา ก่อนจะนำใบแรกไปวางทิ้งไว้โคนเสาไฟฟ้าแรงสูงไม่ห่างจากศาลาว่าการเมืองพัทยามากนัก ก่อนจะนำอีกใบข้ามถนนไปวางไว้หน้าห้างเทสโก้โลตัส แล้วรีบวิ่งหลบหนีไป ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพร้อมกับติดตามไปควบคุมตัวชาวต่างชาติไว้ได้ดังกล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบถึงจุดประสงค์ของ MR.BEUKES JOHANNES MATTHYS แต่คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้ประชาชนแตกตื่น อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมั่นใจในการตรึงกำลังป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหลายหน่วยงานและตลอด 24 ชั่วโมง หากประชาชนพบวัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยา-(17 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 00.10 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ได้สืบทราบว่านายศิริพล สุทธิ อายุ 33 ปี หรือ “เค สัตหีบ” ฉายาในวงการยาเสพติด มีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติดให้กับวัยรุ่นในพื้นที่เมือพัทยา จึงสั่งการให้ เรืออากาศโท ภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ออกสืบสวนหาข่าว
จากการลงพื้นที่หาข่าว ทราบว่า นายศิริพล เป็นเอเย่นต์จำหน่ายยาเสพติดจริง ไม่มีที่พักเป็นหลักเป็นแหล่ง ซึ่งแต่ละวันจะตระเวนเปิดห้องพักรายวันเป็นที่กบดาน เจ้าหน้าที่จึงส่งสายลับนำเงินสดจำนวน 1,200 บาท ติดต่อล่อซื้อยาบ้า 10 เม็ด โดยนัดหมายกันที่บริเวณกลางซอยโพธิสาร ย่านพัทยาเหนือ เมื่อถึงเวลา นายศิริพล ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 110 สีแดง-ขาว ทะเบียน จมน 992 ชลบุรี มาจอดยังจุดนัดหมาย
แต่ นายศิริพล เกิดไหวตัวทันทิ้งรถจักรยานยนต์ วิ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปไกลกว่า 200 เมตร และพยายามขัดขืนต่อสู้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สุดท้ายไปไม่รอดถูกจับกุมได้ในที่สุด จากการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 10 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส ซุกซ่อนอยู่ในถุงมือข้างขวา และยึดเงินสด 1,500 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และรถจักรยานยนต์ 1 คัน ไว้เป็นของกลาง
ระหว่างการจับกุม นายศิริพล ผู้ต้องหา ได้พูดอ้างว่า ตนเองเป็นสายแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายชุดในพื้นที่อำเภอบางละมุง สำหรับยาบ้าจำนวนดังกล่าว ได้ซื้อมาจาก น.ส.พลอย อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นอดีตแฟนเก่า ครั้งละจำนวนเป็นร้อยเม็ด แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่สนใจและไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ดำเนินคดีในฐานความผิด “พยายามจำหน่ายยาเสพติด”
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยา-(17 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 00.30 น. ร.ต.อ.นิวัติน์ เพ็งแคน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุมีชาวต่างชาติพลัดตกจากที่สูงเสียชีวิต เหตุเกิดขึ้นที่เก้ากะรัต คอนโดมิเนียม ตั้งอยู่เลขที่ 517/577 ม.9 ซอย 2 อรุโณทัย ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดสูง 15 ชั้น ใจกลางเมืองพัทยา ตรวจสอบบริเวณหลังคาทางเข้าห้องน้ำของสระว่ายน้ำเป็นรูโหว่ หลังจาก MR.CALCULL RUSSELL JOHN อายุ 59 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติออสเตเรีย พลัดตกลงมาใส่ จนอยู่ในสภาพนอนจมกองเลือด กะโหลกศีรษะแตก แขนและขาหักผิดรูป อยู่ในสภาพที่น่าสยดสยอง โดยมีผู้ที่พักอาศัยอยู่ภายในคอนโดและชาวต่างชาติที่นั่งอยู่บริเวณสระน้ำอยู่ในอาการตื่นตระหนกตกใจ
สอบถาม เพื่อนสัญชาติเดียวกันกับผู้ตาย (ไม่เปิดเผยชื่อ) ทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปนั่งดื่มสุรากับตนเองและแฟนสาวชาวไทย จนกระทั่งผู้ตายขอแยกตัวกลับก่อนพร้อมกล่าวอำลาว่าพรุ่งนี้จะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด โดยมีท่าทางปกติก่อนเดินจากไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งมาทราบข่าวอีกทีว่าเพื่อนรักกระโดดตึกเสียชีวิตดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะมีความเครียดอะไรบางอย่าง ก่อนจะอาศัยช่วงจังหวะไม่มีผู้คน แอบขึ้นไปยังคอนโดแล้วตัดสินใจกระโดดลงมาเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งศพผู้ตายไปชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยา-(4 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 13.00น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายกรกต สุดสาคร อายุ 25 ปี ว่ารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ด้านล่างอาคารพานิชย์สูง 3 ชั้น ชื่อแม่ผ่องศรี ห้องพัก-ห้องเช่า เลขที่ 42/99-102 ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิทพัทยา 42/1 หมู่ 9 พัทยากลาง เขตอำบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้ถูกโจรกรรมไป โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพของคนร้ายขณะก่อเหตุเอาไว้ได้ ขอให้เข้ามาบันทึกภาพ เป็นข่าวเตือนภัยให้ด้วย
ในที่เกิดเหตุ นายกรกต สุดสาคร ผู้เสียหาย บอกว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงอัลคาซ่าโชว์ ก่อนเกิดเหตุ เมื่อค่ำคืนของวันที่ 2 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา หลังเลิกงานได้กลับเข้ามาที่ห้องพักในเวลา 01.34น. เพื่อหลับนอนตามปรกติ จากนั้นได้ตื่นจะออกไปทำงานในเวลา 15.30น. แล้วพบว่ารถจักรยานยนต์ฮอนด้า MSX สีแดง-เทา หมายเลขทะเบียนป้ายแดง 8-2401 ที่จอดอยู่ที่ลานจอดด้านล่างของห้องพัก ซึ่งเพิ่งมาซื้อได้เพียง 6 วัน ได้สูญหายไป
จึงได้ขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ทางห้องพักได้ติดตั้งไว้ ที่ลานจอดรถจำนวน 2 ตัว แล้วพบว่ากล้องวงปิดสามารถบันทึกภาพวินาทีการก่อเหตุของโจรโจรกรรมรถ เอาไว้ได้อย่างชัดเจน โดยโจรโจรกรรมรถได้ลักลอบเดินเข้ามาที่ภายในลานจอดรถในเวลา 04.33น. จากนั้นจึงได้ถีบล็อคคอรถจนหัก และขับหลบหนีออกไปในช่วงเวลา 04.41 น. ใช้เวลาก่อเหตุเพียง 8 นาที
ทั้งนี้ตนจึงได้นำภาพวงจรปิด ที่ภายโดยโทรศัพท์มือถือ เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ กับสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธร เมืองพัทยา แต่สารวัตรสอบสวน กลับไม่สนใจที่จะดูภาพวงจรปิด และไม่เดินทางเข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(5 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา และ พ.ต.ท.ปวัชร์ชัย สุดสคร รอง ผกก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งร่วมแถลงข่าวกวาดล้างอาชญากรรมช่วงก่อนวันลงประชามติ ประกอบด้วย
คดีล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบนรถสองแถว มี น.ส.วันเพ็ญ ต้นจันทร์ อายุ 39 ปี เป็นผู้ต้องหาก่อเหตุบนรถสองแถว
คดีวัยรุ่นวิ่งราวทรัพย์ มีนายเจตวัชร์ ประจวบสุข อายุ 24 ปี เป็นผู้ต้องหาหลังก่อเหตุวิ่งราวโทรศัพท์มือถือของพนักงานร้านสะดวกซื้อย่านพัทยากลาง
คดีอาวุธปืน มีนายจิรายุ จงจอหอ อายุ 22 ปี ชาวนครราชสีมา เป็นต้องหา สามารถจับกุมตัวได้พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม. ทะเบียน กท 54226670 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนในกระเป๋าสะพาน จากการตั้งด่านตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และคดีค้ามนุษย์ มี น.ส.บัวแก้ว บุญ อายุ 33 ปี เป็นผู้ต้องหาหลังพาเด็กวัย 4-5 ขวบ มาเร่ขายสินตามสถานบันเทิงในเมืองพัทยา
ภาพ/ข่าว ศูนย์ข่าวลับโคมันยอง
พัทยา-(29 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.อำพล บำรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง.ผบก. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายนุกูล พิริยะปราณี อายุ 38 ปี,นายศตวรรษ พรหมมา อายุ 26 ปี และนายเอกสิทธิ์ ป้อมคำ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาแก๊งปลอมแปลงเอกสารราชการ เพื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ก่อนนำส่งขายตลาดมืด พร้อมของกลาง บัตรประชาชนปลอม ทะเบียนบ้านปลอม ใบทะเบียนการปลอม และสำเนาเอกสารปลอมจำนวนมาก โดยมีนายสุพัฒน์ จารุเรืองไพศาล ผู้จัดการบริษัท มิตรยนต์พัทยา จำกัด พร้อมพนักงาน เป็นผู้เสียหายยืนยันชี้ตัว
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการเช่ารถจักรยานยนต์ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่ามีกลุ่มแก๊งนำบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านปลอม มาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และไม่ผ่อนตามสัญญา ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจาก พนักงานบริษัท มิตรยนต์พัทยา จำกัด สาขาพัทยาใต้ ว่าพบผู้ต้องสงสัยนำบัตรประชาชนปลอมมาเช่าซื้อรถ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ ก่อนจับกุม นายเอกสิทธิ์ ป้อมคำ ได้พร้อมบัตรประชาชนปลอมระบุชื่อ นายจีรศักดิ์ เกาะกลาง จึงทำการสอบสวนขยายจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีก 2 ราย ส่วนหัวหน้าแก๊ง ทราบชื่อคือ นายธงไชย หรือแบงค์ อภิยางกุล อายุ 24 ปี ไหวตัวทันหลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การว่า ได้มาร่วมกับ นายธงไชย หรือแบงค์ หลายเดือนแล้ว ก่อเหตุมาประมาณ 20 -30 คัน โดยพฤติกรรม นายธงไชย หรือแบงค์ จะเป็นผู้ปลอมแปลงเอกสารราชการทั้งหมด โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และนำมาแจกจ่ายให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ซึ่งนายเอกสิทธิ์ จะทำหน้าที่ไปเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เมื่อได้รถแล้วจะให้ นายศตวรรษ หรือนายนุกูล นำไปส่งให้กับลูกค้าตามใบสั่ง โดย นายธงไชย หรือแบงค์ ให้ค่าจ้างครั้งละ 500 บาท นอกจากนี้ นายธงไชย หรือแบงค์ ยังมีพฤติกรรมปลอมแปลงเอกสารราชการ เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าของตนอีกด้วย
ด้าน นายสุพัฒน์ จารุเรืองไพศาล ผู้จัดการบริษัท มิตรยนต์พัทยา จำกัด เปิดเผยว่า ทางร้านสาขาต่างๆในเครือบริษัทได้ถูก นายเอกสิทธิ์ ป้อมคำ นำเอกสารปลอมมาเช่าซื้อรถจำนวนทั้งสิ้น 22 คัน ก่อนที่พนักงานของบริษัทจะพบพิรุจและแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในที่สุด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม จะทำการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมหัวหน้าแก๊งต่อไป
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(29 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำตกข้างทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดภายในรถ เหตุเกิดบริเวณซอย5ธันวา หน้าโรงเรียนบ้านรถไฟ หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนต่างระดับคู่ขนานกับถนนเลียบทางรถไฟ ฝั่งมุ่งหน้าชลบุรี โดยอยู่ต่ำกว่าประมาณ 10 เมตร พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียน ญฬ-7362 กทม. สภาพพลิกตะแคงล้อชี้ฟ้า เสียหายยับเยิน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนขับรถ ซึ่งชาวบ้านได้ให้การช่วยเหลือออกมาก่อนเจ้าหน้าที่จะไปถึง ทราบชื่อต่อมา นายสุรศักดิ์ ตฤณขจี อายุ 32 ปี สภาพได้รับบาดเจ็บฟกช้ำที่ใบ้หน้าเพียงเล็กน้อย
สอบถาม นายสุรศักดิ์ ตฤณขจี คนขับ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถคันดังกล่าวมาตามถนนเลียบทางรถไฟ เพื่อมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ กระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุรถเกิดเสียหลักตกร่องข้างทาง ด้วยความตกใจตนจึงหักพวงมาลัยกลับอย่างรวดเร็ว ทำให้รถสไลด์ชนอัดเหล็กกั้นขอบทางจนรถหมุน และล่วงลงมากระแทกบริเวณถนนคู่ขนาน ก่อนมีชาวบ้านมาช่วยเหลือนำออกจากรถได้ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นความโชคดีที่ตนขับรถไม่เร็ว ประกอบกับริมข้างทางมีต้นไม้คอยรับแรงกระแทก ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(28 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 16.30 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์พัทยา รับแจ้งเหตุ เด็กชาวต่างชาติพลัดตกจากชั้น 3 ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายใน แอตแลนติส คอนโด รีสอร์ท ริมจอมเทียนสาย2 ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุภายในตึกบีของคอนโดดังกล่าว บริเวณใต้ราวบันไดชั้นล่างพบร่างผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อ Yaroslav Obrosov อายุ 9 ปี สัญชาติรัสเซีย นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด โดยมีบิดาและมารดาคอยดูอย่างใกล้ชิดด้วยความเป็นห่วง ตรวจสอบอาการบาดเจ็บพบว่า ตาซ้ายปูดบวม และฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง เจ้าหน้าที่จึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลพัทยาเมโมเรียล ซึ่งทางคณะแพทย์ได้ให้การรักษาจนอาการปลอดภัยแล้ว
เบื้องต้น จากการสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่า เหตุเกิดจากความซุกซนของหนุ่มน้อย Yaroslav ที่ไปปีนเล่นบริเวณราวบันไดชั้นที่ 3 ก่อนจะพลาดพลัดตกลงมาชั้นล่างจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(29 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 05.00 น. พ.ต.ท.สุรศักดิ์ กนกวิลาศ สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พ.ต.ท.ชูศักดิ์ ปิ่นรัตน์ สว.สส.พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. ร.ต.อ.วิษณุ ไชยสุวรรณ รองสวป.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสากว่า 50 นายร่วมกันจับกุมกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวคูเวตกว่า 40 คน พร้อมรถจักรยานยนต์จำนวน 26 คัน ก่อนควบคุมตัวทั้งหมดมายังสถานีตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา
ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมีประชาชนในเขตพื้นที่เมืองพัทยาร้องเรียนมายัง พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นชาวต่างชาติจับกลุ่มขับขี่จักรยานยนต์ท่อดังวิ่งไปมาตลอดทั้งคืนยันเช้า ทำให้ได้รับความเดือดร้อน จึงได้สั่งการให้สนธิกำลังเพื่อตรวจสอบ หากพบให้ทำการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งตัวผู้ขับขี่และเจ้าของรถเช่า
ทั้งนี้ผลการจับกุมได้ควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นเป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติคูเวตทั้งหมดอายุประมาณ 18-25 ปีรวมกว่า 40 ราย พร้อมรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ จากการตรวจสอบพบว่าหลายคันมีการตกแต่งใส่ท่อไอเสียที่มีเสียงดัง บางคันยังพบว่าไม่มีเอกสารคู่มือแสดงและใส่ทะเบียนป้ายแดง จากการตรวจสอบหลักฐานผ่านระบบคอมพิวเตอร์ก็ยังพบว่าบางคันทะเบียนไม่ตรงกับตัวรถอีกด้วย
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกตรวจยึดรถจักรยานยนต์ทั้งหมด ก่อนให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบเอกสารประจำตัวและดำเนินคดีในข้อข้อขับขี่โดยประมาทหวาดเสียว ส่วนรถจักรยานยนต์เป็นรถเช่าทั้งหมดจะให้เจ้าของมาติดต่อเพื่อรับรถคืน โดยจะต้องนำหลักฐานมายืนยันอย่างละเอียด ส่วนท่อไอเสียที่มีเสียงดังจะยึดไปทำลายทั้งหมด หากผู้ใดไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้หรือเอกสารไม่ตรงก็จะทำการตรวจสอบที่มาของรถหากนำเข้ามาโดยไม่ถูกต้องจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อไป
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยาอัพเดทนิวส์ นำเสนอ ฉับไว เพื่อสังคม