คลังเก็บป้ายกำกับ: สภ.เมืองพัทยา

นทท.โร่แจ้งความทรัพย์สินถูกพวกมือเบาฉกทรัพย์ 2 รายซ้อน เฉียดแสน

พัทยา-(11 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 22.00 น. พ.ต.ท.เฉลียว บุญคุ้ม สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยารับแจ้งความร้องทุกข์กับ MR.KWOK CHUN CHENG อายุ 25 ปี ผู้จัดการบัญชีสัญชาติจีนว่าได้ถูกลักทรัพย์ เหตุเกิดบริเวณชายหาดตรงข้ามซอย 10 พัทยา ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

image

โดยR.KWOK CHUN CHENG ให้การว่าเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาได้เดินท่องเที่ยวจนเหนื่อยล้า จึงได้แวะนอนพักใต้ร่มไม้ริมทะเลแล้วเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าก็มืดแล้ว จึงสำรวจกระทรัพย์สินเพื่อจะเดินกลับที่พัก ปรากฏว่ากระเป๋าสะพายซึ่งภายในมีคอมพิวเตอร์แม็กบุ๊ค 1 เครื่อง ราคาประมาณ 27,000 บาท และเงินสกุลต่างประเทศ 5,000 ดอลล่าฮ่องกงเป็นเงินไทยประมาณ 22,000 บาท ได้สูญหายไป สอบถามใครก็ไม่มีใครรู้ใครเห็น ตนเองมั่นใจว่าถูกมือมืดแอบฉกไปตอนหลับแน่ จึงรีบเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

ในขณะเดียวกันได้มีนักท่องเที่ยว ทราบชื่อMR.ATIQ REHMAN BHATTI อายุ 39 ปี สัญชาติปากีสถาน เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าได้ถูกแก๊งสาวชายหาด ก่อเหตุล้วงกระเป๋า ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสกุลต่างประเทศ 1000 ดอลล่า 5000 รูปี และเงินไทยอีก 1,000 บาท รวมเป็นเงินไทยประมาณ 35,000 บาท เหตุเกิดบริเวณชายหาดตรงข้ามซอย 2 พัทยา

image

เบื้องต้นพ.ต.ท.เฉลียว บุญคุ้ม สว.สอบสวน ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากผู้ที่เห็นเหตุการณ์และกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

รองผู้การชลฯ แถลงข่าวรวบผัวเมียซาเล้งเก็บของเก่าดอดย่องเข้าบ้านพนักงานสาวร้านจิวเวลรี่ดังพัทยา

พัทยา-(5 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ทำการควบคุมตัว นายกฤษดา สุ่มดี อายุ 34 ปี และ น.ส.วารุณี คุณแก้ว อายุ 33 ปี 2 สามีภรรยา ผู้ต้องหาลักทรัพย์ในบ้านประชาชน มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมของกลาง ประกอบด้วย กล้องถ่ายรูปจำนวน 2 ตัว นาฬิกาข้อมือ 2 เรือน พระบูชา 4 องค์ พระเครื่องอีก 67 องค์ กำไลนาค และรถจักรยานยนต์พ่วงข้างยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีส้ม ทะเบียน งคธ-349 ชลบุรี พร้อมพ่วงข้างหลังคาสีส้มอีก 1 คัน

พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่าทั้งสองได้ก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์สินดังกล่าวในบ้านพักของนางนิษฐกานต์ อมรพิริยะสิน อายุ 43 ปี พนักงานบริษัทจิวเวลลี่ชื่อดังย่านพัทยาเหนือ อยู่บ้านเลขที่ 315/9 ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนเจ้าหน้าที่ตามแกะรอยได้จากกล้องวงจรปิดจนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด

นางนิษฐกานต์ อมรพิริยะสิน อายุ 43 ปี ผู้เสียหายเล่าว่าที่ผ่านมาที่บ้านโดนโจรกรรมทรัพย์สินไปแล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ภายในเวลาเพียง 5 วัน หลังจากเกิดเหตุ ถือว่าตำรวจชุดนี้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้แต่อย่างใด

ด้าน ผู้ต้องหาทั้งสองคนรับสารภาพว่าก่อเหตุลักทรัพย์บ้านหลังดังกล่าวจริง โดยทำทีเป็นซาเล้งเก็บของเก่าก่อนเข้าไปลักทรัพย์สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ส่งตัวดำเนินคดีพร้อมจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลกลุ่มเสี่ยง และยังฝากไปยังร้านรับซื้อของเก่าด้วยว่าให้ประกอบการโดยสุจริต หากมีการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายจะถือเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดเรื่องฟอกเงิน ซึ่งมีบทลงโทษขั้นรุนแรงด้วยเช่นกัน

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

หนุ่มวิศวกรโรงงานกระดาษ โดนกะเทยลวนลามแล้วปลดสร้อยพร้อมจี้หลบหนีลอยนวล

พัทยา-(2 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 23.00 น. ร.ต.อ.นครราช นนสีลาด รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดเหตุสาวประเภทสองก่อเหตุปลดสร้อยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าโรงแรมซีซั่น ไฟว์ ตั้งอยู่กลางซอย 5 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานชุดสืบสวน ร่วมกันตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทราบชื่อคือ นายราจู เบนต้า อายุ 50 ปี สัญชาติอินเดีย อาชีพ วิศวกร ควบคุมเครื่องจักรกลโรงงานกระดาษดับเบิ้ลเอ จ.ปราจีนบุรี พร้อมครอบครัวชาติเดียวกัน ประกอบด้วย ภรรยา ลูกสาว และเพื่อนร่วมงาน ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและชี้จุดคนร้ายก่อเหตุ

สอบสวน ผู้เสียหาย ให้การด้วยภาษาไทยว่า หลังจากที่พาครอบครัวพร้อมเพื่อนร่วมงาน ไปดูการแสดงคาบาเร่ต์ ที่โรงละครอัลคาซ่าร์โชว์พัทยา ขณะกำลังจะเดินกลับโรงแรมที่พัก ได้มีกะเทยจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ แบบออโตเมตริก จากนั้นกะเทยทั้ง 2 คน ได้ทำทีเข้ามาโอบกอดลวนลามจุดสำคัญ ก่อนอาศัยจังหวะไม่ทันระวังตัวปลดสร้อยคอทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 1.50 สตางค์ พร้อมจี้ประเทศอินเดีย มูลค่า 35,000 บาท แล้วพากันหลบหนีไป

ทั้งนี้ ผู้เสียหาย ยังได้กล่าวถึงความรู้สึกด้วยอีกว่า ตนเองทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 17 ปี สำหรับเหตุการณ์ในครั้งเกิดขึ้นกับตนเองเป็นครั้งแรก ทำให้ครอบครัว เช่น ภรรยา ลูกสาว หวาดกลัวกับสาวประเภทสองผู้ก่อเหตุเป็นอย่างมาก จึงอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ไวที่สุด

ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี เพื่อเป็นเบาะแสในการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ผกก.สภ.เมืองพัทยา ลงทุนควักกระเป๋าพร้อมปรับเปลี่ยนโฉมโรงพักพัทยา

ผกก.สภ.เมืองพัทยา ลงทุนควักกระเป๋าปรับโฉมโรงพักพัทยาใหม่ให้สวยงามและเป็นระเบียบ ชี้เป็นสถานีตำรวจที่บริการประชาชนและชาวต่างชาติมากที่สุดอันดับต้นๆ ของประเทศต้องมีความพร้อมทั้งภายนอกและภายใน

พัทยา-(2 ก.ค. 59)พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา “ผู้กำกับนักพัฒนาจากแดนใต้” เปิดเผยว่าด้วยสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาเป็นสถานีตำรวจที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาติดต่อราชการเป็นจำนวนมากอันดับต้นๆ ของประเทศ เนื่องด้วยเมืองพัทยาเป็นเมืองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีนักธุรกิจ ผู้ประกอบกิจการต่างๆ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากจึงมีปัญหาที่ต้องพึ่งพาตำรวจมากขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ ตนเองจึงได้ใช้งบประมาณส่วนตัวในการปรับภูมิทัศน์ทั้งภายนอกและภายในของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา โดยจัดทำพื้นที่ลานจอดรถยนต์บริเวณหน้าสถานีใหม่เพื่อรองรับรถยนต์ที่มาติดต่อราชการกับทางสถานี และในส่วนรถจักรยานยนต์จะปรับพื้นที่จอดรถโดยรอบอาคาร พร้อมทาสีตัวอาคารใหม่ทั้งหมด และภายในจะมีการปรับปรุงระบบและอุปกรณ์เครื่องใช้ในสำนักงานใหม่ด้วยเช่นกัน

ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่าการเดินทางมารับตำแหน่ง ผกก.สภ.เมืองพัทยาในครั้งนี้มาด้วยใจ และด้วยที่ผ่านมาไม่ว่าจะปฏิบัติราชการอยู่ที่ สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา หรือ สภ.กันตรัง จ.ตรัง ก็จะพัฒนาสถานีตำรวจเพื่อความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้ประชาชาที่มาติดต่อราชการได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดโดยมุ่งหวังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง

ในส่วนของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยานั้นถือเป็นหน้าตาของประเทศเพราะต้องการบริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนอยู่เป็นประจำ จึงจำเป็นต้องปรังปรุงภูมิทัศน์ของสถานีตำรวจให้เป็นหน้าตาและเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เรามีการนำเอาพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ มาประดับไว้พร้อมธงชาติไทยและธงชาติประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ

นอกจากนี้จะได้จัดประดับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ตามวโรกาสมหามงคลหรือวันสำคัญต่างๆ ด้วยเช่นกันเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และเพื่อความเป็นสากลสำหรับผู้มาท่องเที่ยวเมืองพัทยาและผู้มาติดต่อราชการยังสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาต่อไปด้วย

ภาพ/ข่าว ศูนย์ข่าวลับโคมันยอง

ตร.พัทยาแถลงข่าวจับผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดอาวุธปืน

image

พัทยา-(26 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมกำลังตำรวจ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเอเย่นต์ค้ายาเสพติด และคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน ได้ผู้ต้องหารวม 4 คน ประกอบด้วย นายสุนทร สีฉิม อายุ 35 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์จำนวน 5 ถุง น้ำหนักรวม 1.98 กรัม และยาบ้า 9 เม็ด ,นายสุนทร รักษาเถื่อน อายุ 34 ปี ของกลางยาไอซ์ 4 ถุงน้ำหนักรวม 2.89 กรัม ,นายสราวุธ หรือเต๋า สี่สิงห์ อายุ 27 ปี ของกลางอาวุธปืนพกสั้นขนาด 7.65 มม. จำนวน 1 กระบอก และ 4.น.ส.ยุพวัน ยอดประทุม อายุ 34 ปี ของกลางยาไอซ์น้ำหนัก 0.30 กรัม โดยรายสุดท้ายได้ส่งตัวฟ้องศาลไปก่อนหน้านี้แล้ว

image

พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า ในส่วนของนายสราวุธ หรือเต๋า สี่สิงห์ ก่อนหน้านี้เคยถูกจับในคดีใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่คู่อริในซอยสุขุมวิท-พัทยา 60 ย่านพัทยาใต้ มาแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการประกันตัวออกไปสู้คดี กระทั่งเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ นายสราวุธ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อขู่แฟนสาวชื่อ น.ส.บัณฑิตา ชาวดง อายุ 20 ปี เหตุเกิดที่ห้องพัก ภายในซอยกอไผ่ พัทยาใต้ ก่อนหลบหนีไป แต่ต่อมาก็ถูกตำรวจชุดสืบสวนตามจับได้ขณะหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเลขที่ 39 ถนนเทพประสิทธิ์ ซอย 5 ย่านจอมเทียน ก่อนคุมตัวมาสอบสวนและให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่แฟนสาวของตัวเองจริง และยังเสพยาบ้ามาอีกด้วย

image

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการจับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายยาเสพติดและอาวุธปืนในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป และหาวิธีป้องกันอาชญากรรมต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากเมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก การปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวโลกต่อไป

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

สาวอุบลโร่แจ้งความ หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.บุกจับแล้วรีดทรัพย์ ทั้งพาไปขืนใจ

พัทยา-(22 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าตัวเองถูกกลุ่มตำรวจนอกรีตโรงพักแห่งหนึ่งทำการจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด แล้วทำการลักทรัพย์ , ข่มขู่รีดไถเงินเพื่อแลกอิสรภาพ และพาไปข่มขืนกระทำชำเรา กำลังจะเดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

ภายในห้องสอบสวนบนชั้น 2 พบ พ.ต.ท.ออมสิน สุขการค้า หัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา กับ ร.ต.อ.สิระภูเดชน์ ชำนาญกิจ รองสารวัตร (สอบสวน) เจ้าของคดี กำลังสอบปากคำ น.ส.อ้อ (นามสมมุติ) (น.ส.เพชรมณี ดวงแสง หรือแอน) อายุ 33 ปี ชาว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.อุบลราชธานี ก่อนที่ผู้เสียหายจะออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นหมอนวดแผนไทยอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ภายหลังถูกทางการเกาหลีใต้จับกุมในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย ก่อนถูกเนรเทศกลับประเทศไทย และเพิ่งมาขอพักอาศัยอยู่กับเพื่อนชื่อ น.ส.วรรณนิภา หรือบิว เข้มแข็ง ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในซอยเฉลิมพระเกียรติ 9 ย่านพัทยาเหนือ และเพื่อรอเวลาหางานใหม่

กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนนั่งกินข้าวอยู่กับ น.ส.วรรณนิภา หรือบิว และ น.ส.ฟาง (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) เพื่อนของ น.ส.วรรณนิภา ซึ่งรู้จักกันแค่เพียงผิวเผิน จู่ๆ มีชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน และเด็กชายอายุประมาณ 5 ขวบ 1 คน ใช้กุญแจไขประตูเปิดเข้ามาในห้อง พร้อมกับอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาจอมเทียน ทราบชื่อภายหลังคือ นายอึ่ง ซึ่งอ้างตัวเป็นหัวหน้าชุด , นายเอ , นายโรจน์ และหนึ่งในนั้นมีตำรวจยศ “ด.ต.” รวมอยู่ด้วย จากนั้นทั้งหมดได้ทำการค้นห้องพัก ก่อนฉวยเอาพระเครื่องของตนรวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ ไปเป็นของตัวเองโดยอ้างว่าจะเก็บไว้ให้ ซึ่งจากการตรวจค้นพบยาไอซ์จำนวน 40 กรัม อยู่ในตัว น.ส.วรรณนิภา หรือบิว ส่วนตนเองก็ยอมรับว่าเสพยาจริง ทางตำรวจจึงนำตัวไปที่ สภ.นาจอมเทียน ก่อนพาไปกักตัวที่ห้องทำงาน และยังไม่ถูกนำตัวเข้าห้องควบคุม

ต่อมาวันที่ 9 มิ.ย. น.ส.วรรณนิภา หรือบิว มาบอกว่า ตำรวจให้หาเงินมาจำนวน 5,000 บาท เพื่อจะใช้ล่อซื้อยาเสพติด ถ้าหามาไม่ได้ตำรวจก็จะไม่ปล่อยตัว ตนจึงโทรศัพท์ไปยืมพี่ชายซึ่งเป็นตำรวจที่กรุงเทพฯ และได้เงินมาจำนวน 2,000 บาท รวมกับเงินสดในบัญชีธนาคารของตนอีก 1,500 บาท เป็นเงินทั้งหมด 3,500 บาท เลยต่อรองว่ามีเงินเพียงเท่านี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงให้ตนโอนเข้าบัญชีของ น.ส.วรรณนิภา และไม่ทราบว่าเพื่อนสาวเอาเงินไปล่อซื้อยาเสพติดตามที่บอกหรือไม่ กระทั่งกลางดึกวันที่ 10 มิ.ย. ชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจชื่อต้น (ไม่ทราบยศ) และเข้าเวรห้องควบคุมอยู่ในขณะนั้น ได้เรียกตนออกมาจากห้องขัง ซึ่งในขณะนั้นมีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันถูกคุมขังอยู่รวม 7 คน ก่อนพาไปนอนยังห้องๆ หนึ่งบนสถานีตำรวจ พร้อมกับบอกว่าจะทำเครื่องหมายฝากไว้เพื่อไม่ให้ใครมายุ่ง จากนั้นจึงใช้ปากดูดลำคอของตนจนเป็นรอยจ้ำ และพยายามจะปลุกปล้ำขืนใจ แต่ตนอ้างว่ามีประจำเดือน นายต้น จึงผละออกไปและนำตนกลับไปยังห้องควบคุมเหมือนเดิม

ถัดไปเพียงวันเดียว น.ส.วรรณนิภา หรือบิว มาบอกให้ตนหาเงินมาอีก 15,000 บาท เพื่อใช้ล่อซื้อยาอีกครั้ง และครั้งนี้หากหาเงินมาได้ตำรวจก็จะปล่อยตัว ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงโทรศัพท์ไปหาพี่สาวที่ต่างจังหวัดเพื่อขอความช่วยเหลือ พี่สาวจึงเอาสร้อยคอทองคำไปจำนำแล้วส่งเงินมาให้ ก่อนที่ตนโอนเข้าบัญชี น.ส.วรรณนิภา หรือบิว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการปล่อยตัว และในคืนวันเดียวกันนั้นนายต้น ที่เข้าเวรหน้าห้องควบคุม ได้เรียกตนออกมาจากห้องขังอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่าจะพาไปขับรถเที่ยวเพื่อให้หายเครียด แต่ภายหลังกลับพาตนขับรถเข้าไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่กำลังก่อสร้าง ตั้งอยู่หลังลุมพินีคอนโดมิเนียม ถนนจอมเทียนสาย 2 ย่านชายหาดจอมเทียน ซึ่งเป็นที่เปลี่ยว ก่อนพยายามปลุกปล้ำขืนใจ แต่ตนมีประจำเดือนประกอบกับอวัยวะเพศของนายต้น ไม่แข็งตัว ทำให้ไม่สำเร็จความใคร่ ก่อนที่จะพาตนกลับไปคุมขังตามเดิม

จนเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เวลาประมาณ 10.00 น. พี่ชายซึ่งเป็นตำรวจอยู่โรงพักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้เดินทางมาเยี่ยมตนพร้อมกับสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะไปเจรจากับนายอึ่ง ที่อ้างตัวเป็นหัวหน้าชุดจับกุม นายอึ่ง จึงยื่นข้อเสนอให้หาเงินมาจำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ แต่พี่ชายหาเงินมาได้เพียง 60,000 บาท เลยทำการต่อรองจนนายอึ่ง ยินยอม จากนั้นมีชายไทยชื่อ นายหวัง มารับเงินจำนวนดังกล่าว แต่ภายหลังนายอึ่ง กลับบอกว่าตนเองจะต้องถูกดำเนินคดีพนันฟุตบอล หากไม่อยากถูกดำเนินคดีก็ต้องจ่ายเงินอีก ตนเลยบอกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเหลืออยู่แค่ 3,000 บาท ทางนายอึ่ง ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนยึดเงินจำนวนดังกล่าวของตนไป แล้วปล่อยตัวออกมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน

ภายหลังตนได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาญาติๆ และคิดว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับไปตรวจร่างกายที่ รพ.บางละมุง และ รพ.เมืองพัทยา ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าถูกข่มขืนกระทำชำเรา (ตรวจร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์) จากนั้นจึงเดินทางเข้าร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี , กระทรวงยุติธรรม และจเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความช่วยเหลือและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

ด้าน ร.ต.อ.สิระภูเดชน์ ชำนาญกิจ รองสารวัตร (สอบสวน) เจ้าของคดี เผยว่า เบื้องต้นได้ประสานไปยังตำรวจชุดสืบสวนเพื่อให้ตรวจสอบกล้องจรปิดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พร้อมกับรวบรวมพยาน-หลักฐานส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยืนยันว่าจะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่าผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

สลด! สาวพัทยา ขับ จยย. ถูกรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว ชนล้มก่อนเหยียบหัวดับสยอง

พัทยา-(22 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 08.00น. ร.ต.อ.นิวัฒน์ เพ็งเคน รอง สว.สส. สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ เมืองพัทยา รุดตรวจสอบบริเวณปากทางเบี่ยงบนถนนสุขุมวิท ปากทางพัทยาใต้ ม.10 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกัน มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย

image

ที่เกิดเหตุพบ นางสาวรัตนา ยิญศรี อายุ 30 ปี นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 สีขาว หมายเลขทะเบียน งทต-833 จังหวัดชลบุรี ล้มคว่ำได้รับความเสียหายอยู่ใกล้ศพ ห่างออกไปอีกเล็กน้อย พบรถยี่ห้อโฟคสวาเก้น 4 ล้อ สีเหลือง ของบริษัทย์อีสเทิลปิ้ง THAiLAND 01 หมายเลขทะเบียน 15-4809 ซึ่งมี นายอนุภาพ เลิศสุวัฒน์การ อายุ 51 ปี เป็นผู้ขับขี่ จอดอยู่ข้างไหล่ทาง โดยมีร่องรอยของการถูกเฉี่ยวชนที่ด้านซ้ายของตัวรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายรูปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

image

สอบสวนนายอนุภาพ ให้การว่า ตนเป็นพนักงานขับรถของ บริษัทย์ อีสเทิลปิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย์รับส่งนักท่องเทียวชาวอิหร่าน ก่อนเกิดเหตุได้ออกมาจากบริษัทย์ที่นาจอมเทียน กำลังจะไปเติมแก๊ส ที่ปั้มรุ่งเรือง ย่านกระทิงลาย แต่ระหว่างได้ขับขี่มาทางตรงบนถนนสุขุมวิท มาถึงจุดเกิดเหตุ นางสาวรัตนา ผู้ตาย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวออกมาจากทางเบี่ยงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันระวัง ซึ่งตนก็มองไม่เห็นจึงหยุดรถไม่ทัน ก่อนถูกรถของตนเฉี่ยวชน จนดับคาที่ดังกล่าว

image

ภาพ/ข่าว อั๋น ดูลัน

หมอหนุ่มและพลเมืองดีช่วยลุงหาบเร่ถูก จยย.รับจ้างชนท่ามกลางสายฝน

หมอหนุ่มโรงพยาบาลเมืองพัทยา ขับรถกลับบ้านหลังออกเวรเจอชายชราหาบเร่ขายของถูกรถจักรยานยนต์รับจ้างเฉี่ยวชนได้รับบาดเจ็บ รีบจอดรถช่วยเหลือ พลเมืองดีใกล้เคียงเห็นเหตุการณ์รีบถือร่มมากางกันฝน

พัทยา-(21 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 01.30 น. พ.ต.ท.พศวัต ศิริพรนพคุณ สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบรี รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนคนเดินข้ามถนน ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณหน้า สภ.เมืองพัทยา ม.9 ต.หนองปรือ จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบชายชราทราบชื่อภายหลังคือ นายอำพร เขาแก้ว อายุประมาณ 60-65 ปี อาชีพหาบเร่ขายของอยู่บริเวณชายหาดพัทยา ถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนได้รับบาดเจ็บ นอนอยู่กลางถนนท่ามกลางสายฝน อยู่ในอาการหนาวสั่น พบ นพ.พีรวัศ กาญจนเบญจา แพทย์แผนกทั่วไปของโรงพยาบาลเมืองพัทยา ช่วยตรวจสอบอาการผู้บาดเจ็บและทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมนำผ้าห่มที่ติดรถลงมาคลุมบรรเทาความหนาวให้กับชายชราผู้ประสบเหตุ โดยมีพลเมืองดีทีอยู่ในละแวกใกล้เคียงช่วยกันกางร่มกันฝนที่เริมตกแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯมาถึงจึงเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบางละมุง

สอบถาม นพ.พีรวัศ กาญจนเบญจา เล่าว่าในขณะที่กำลังขับรถกลับที่พักหลังจากออกเวร จนกระทั่งผ่านบริเวณจุดเกิดเหตุพบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ซึ่งผู้บาดเจ็บเป็นคนชรา นอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน เนื้อตัวเปียกปอน แต่ยังไมมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ จึงรีบหยุดรถเข้าข้างทางรถลงมาตรวจสอบ ช่วยปฐมพยาบาลพร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯเพื่อนำส่งโรงพยาบาลดังกล่าว

เบื้องต้น นายอำพร เขาแก้ว (ผู้บาดเจ็บ) อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ส่วนคู่กรณีทราบเป็นผู้ขับขี่วินจยย.รับจ้าง ทราบชื่อคือนายสมเกียรติ กาเหว่าทอง อายุ 51 ปี พร้อมให้การช่วยเหลือและชดใช้ค่าเสียหายกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าว

ภาพ/ข่าว Ku Salick

นร.นอกลูกเจ้าของ บ.เคมีภัณฑ์ เที่ยวพัทยาถูกโจรกระชากสร้อย ก่อนยกล้อเย้ยแว้นหนี

หนุ่มลูกเจ้าของบริษัทเคมีภัณฑ์ ดีกรีนักเรียนอเมริกาวัย 16 ปี พร้อมกลุ่มเพื่อน เดินทางเที่ยวพัทยาวันแรก ขับรถเล่นกินลม ถูกคนร้ายกระชากสร้อยคอหนัก 2 บาท ก่อนยกล้อเย้ยซิ่งหนีเข้าซอยเปลี่ยว

พัทยา-(19 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 20.00น. พ.ต.ท.สุรศักดิ์ กนกวิลาศ สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุวิ่งราวทรัพย์ เหตุเกิดบนถนนเส้นเฉลิมพระเกียรติสายสาม ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนรีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบกลุ่มนักเรียน 5 คน โดย มีนายกฤติน ณ ระนองอายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ศึกษาอยู่โรงเรียนในประเทศอเมริกา ลูกชายเจ้าของบริษัทเคมีภัณฑ์เขตกทม.ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นขับขี่จักรยานยนต์ มาประกบข้างแล้วอาศัยจังหวะเผลอเอื้อมมือกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทหลบหนีเข้าไปภายในซอยมืด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้วิทยุสกัดจับแต่ก็ยังไร้ร่อยรอยคนร้าย

IMG_0327

สอบถาม นายกฤติน (ผู้เสียหาย)พร้อมเพื่อน เล่าว่าผมพร้อมเพื่อนรวม 5 คนเดินทางมาเที่ยวพัทยาในช่วงวันหยุดปิดภาคเรียนตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ (19 มิ.ย.59) ซึ่งเป็นวันแรก จึงได้ออกมาขับขี่จักรยานยนต์เที่ยวตามที่ต่างๆ จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุได้ขับขี่จักรยานยนต์ถึงบริเวณสี่แยกไฟแดงแยกมุมอร่อย สังเกตเห็นว่ามีวัยรุ่นขับขี่ตามมา จนกระทั่งจังหวะที่เผลอ ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวได้เข้ามาประชิดข้างแล้วเอื้อมมือมากระชากสร้อยที่คอ ก่อนจะบิดยกล้อท้าทายให้ติดตาม ก่อนเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยว พวกผมไม่กล้าที่ติดตามจึงรีบแจ้งเจ้าตำรวจดังกล่าว

เบื้องต้นพ.ต.ท.สุรศักดิ์ กนกวิลาศ สวป.สภ.เมืองพัทยา ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ให้ลงพื้นที่หาเบาะแสพร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อหารูปพรรณสัณฐานผู้ก่อเหตุ คาดว่าใช้เวลาไม่นานจะได้ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ยังได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่อีกว่า กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้บางส่วน เนื่องจากกล้องวงจรปิดบางตัวเกิดการขัดข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

โจรหื่นบังคับสาวอมนกเขาก่อนฉกเงินหนีลอยนวล ตร.เร่งล่าตัว

พัทยา-(18 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 05.00 น. ร.ต.ท.(หญิง) เกวลีศิริ ผาสุขธนไพศาล รองสารวัตร สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุหญิงสาวถูกคนร้ายพยายามจะข่มขืนและลักทรัพย์สินไป เหตุเกิดในห้องพักแพนเดีย เลขที่ 316/72 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนรีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุภายในห้องพักชั้นสองห้องที่ 206 พบน.ส.เมย์ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี อาชีพเลขาผู้บริหาร ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา อยู่ในอาการหวาดกลัวร้องไห้ฟูมฟาย ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หลังเลิกงานเธอได้กลับมานอนที่ห้องพักเพียงลำพัง จนกระทั่งเผลอหลับไป สักพักได้ยินเสียงแปลกๆ เธอก็ไม่ได้เอะใจคิดว่าเสียงลมพัดเพราะ ขณะนั้นมีฝนตกอย่างหนัก

จนกระทั่งสังเกตเห็นเงาตะคุ้มเข้ามาประชิดตัวพร้อมเอามือปิดปาก พร้อมกับข่มขู่ว่าถ้าไม่อยากเจ็บตัว และห้ามอย่าส่งเสียงแค่ต้องการจะมีอะไรด้วยเท่านั้น แต่เธอใช้อุบายโกหกว่าเป็นประจำเดือน จนคนร้ายหลงเชื่อจึงบังคับให้ใช้ปากอมอวัยวะเพศจนสำเร็จความใคร่ หลังจากนั้นคนร้ายก็ได้หยิบเงินประมาณ3,000 บาท ในกระเป๋าแล้วรีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็วดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้เสียหายเนื่องจากยังให้การวกไปวนมา อย่างไรก็ตามได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุเพิ่มเติมเชื่อว่าคนร้ายน่าจะอาศัยอยู่ในละแวกที่เกิดเหตุ เพื่อไล่ล่าโจรหื่นกามรายนี้มาดำเนินคดีอย่างเร็วที่สุด