เพลิงไหม้สนามมวย “แม็กซ์มวยไทยสเตเดียมพัทยา” เสียหายทั้งหลัง เจ้าของน้ำตาตก

พัทยา-(18 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 17.30 น. ร.ต.ท.อมรเทพ ใหม่มา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้สนามมวย “แม็กซ์มวยไทยสเตเดียม” ตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท-พัทยา 42 ถนนสุขุมวิท พัทยากลาง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมืองพัทยา นำรถน้ำดับเพลิงและรถกระเช้ากว่า 10 คัน เดินทางไปตรวจสอบ

IMG_7310

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารชั้นเดียว ซึ่งเปิดเป็นสนามมวยมาตรฐานขนาดใหญ่ พบเพลิงกำลังลุกไหม้จากด้านหลังตัวอาคารอย่างรุนแรง มีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก และกำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงระเบิดอยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่จึงกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่างเพราะเกรงอาคารจะถล่มลงมา พร้อมกับระดมฉีดน้ำดับเพลิงอย่างเร่งด่วน จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบพบว่าเพลิงได้เผาผลาญอาคารจนไหม้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้จัดการและพนักงานของแม็กซ์มวยไทย ได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกตามร่างกายเล็กน้อยจำนวน 4 คน จึงรีบนำตัวส่ง รพ.เมืองพัทยา โดยมี นายนวัธ เตาะเจริญสุข ผู้บริหารแม็กซ์มวยไทย ยืนมองซากสนามมวยของตัวเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย

IMG_7316

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีช่างมาเติมน้ำยาแอร์บริเวณด้านหลังอาคาร กระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นที่คอมเพรสเซอร์แอร์และเกิดไฟลุกไหม้ขึ้น ก่อนลุกลามอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ โชคดีที่ช่วงเวลานั้นสนามมวยยังไม่ได้เปิด แต่ในเวลา 19.00 น.วันเดียวกัน จะมีทัวร์จีนเดินทางมาดูมวยเป็นจำนวนมาก แต่ก็มาเกิดเหตุเพลิงไหม้เสียก่อน เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าความเสียหายไม่น่าจะต่ำกว่า 200 ล้านบาท

IMG_7312

ทางด้าน นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ที่เดินทางมาบัญชาการดับเพลิงยังจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า เบื้องต้นพอจะทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้คร่าวๆ แล้ว โดยหลังจากนี้ได้สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าโครงสร้างของอาคารจะถล่มลงมา

IMG_7335

สำหรับสนามมวย “แม็กซ์มวยไทยสเตเดียมพัทยา” ได้มีการทุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาทในการก่อสร้าง และมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2557 โดยมี นายนวัธ เตาะเจริญสุข เป็นผู้บริหาร และนายปิยชาติ ศรีจันทร์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ถือเป็นเวทีมวยที่ทันสมัยครบเครื่อง มีอุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน ติดเครื่องปรับอากาศอย่างดีอีกต่างหาก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยา

IMG_7339

IMG_7350

IMG_7363

IMG_7389

IMG_7410

IMG_7415

IMG_7422

IMG_7386

ฝ่ายปกครองบางละมุงลุยจับร้านเหล้าหรูลอบขายบารากู่-แหล่งเหล้าเถื่อนกลางวอล์กกิ้งสตรีท

พัทยา-(18 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 03.00 น. นายประพันธ์ ประทุมชุมภู ปลัดหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย เรืออากาศโทภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดป้องกันปราบปราม และนายพิเชฐ ธรรมโหร ปลัดอำเภอ ได้ร่วมกันสนธิกำลังฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กว่า 30 นาย แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด เพื่อทำการออกตรวจสอบสถานบันเทิงในพื้นที่เมืองพัทยา ที่รับการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม

IMG_8936

จากการเข้าตรวจสอบ ร้านเดอะ อีซี่ เอ็นจอย ตั้งอยู่ทางลงชายหาดพัทยาเหนือ พบว่าร้านสูง 2 ชั้น ตกแต่งด้วยอุปกรณ์อย่างหรูหรา โดยยังเปิดจำหน่ายสุราเกินเวลาให้กับลูกค้าชาวไทยและต่างชาติเกือบเต็มร้าน ซึ่งในบางโต๊ะมีการนั่งสูบบารากู่สินค้าห้ามขายกันอย่างเมามัน เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้ทางร้านปิดเพลง และขอความร่วมมือให้ลูกค้าอยู่ในความสงบ เพื่อสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ ตรวจค้นครัวหลังร้าน สามารถยึดยาเส้นบารากู่จำนวน 5 กิโลกรัม เตาสูบ 8 เตา และอุปกรณ์ต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง โดยมี นายวงศ์สถิต นาทองบ่อ อายุ 35 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน

IMG_8942

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกัน ได้เข้าตรวจสอบร้านเก็บตะวัน ยาดองสมุนไพร ตั้งอยู่ภายในวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ พบว่าร้านดังกล่าวก็ยังคงเปิดให้บริการ เมื่อเข้าตรวจภายในร้านพบนักเที่ยววัยรุ่นจำนวนมากนั่งดื่มยาดองอยู่ตามโต๊ะ พร้อมกับเต้นตามจังหวะเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน ตรวจค้นบริเวณบันไดทางขึ้นเจอโหลยาดองหลากหลายสูตร อาทิเช่นนารีลำพึงสูตรเย็น นารีแก้ผ้า รวมทั้งสิ้นกว่า 70 ลิตร และยังพบเด็กอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดเข้ามาเที่ยวอยู่ 4 คน โดยมี น.ส.ณัฐพัชร์ ลิม อายุ 34 ปี รับเป็นเจ้าของกิจการ

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ตร.พัทยา จับหนุ่มโคราชพกปืนจิ๋ว-ยาไอซ์ คาด่าน

พัทยา-(18 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 01.00 น. ร.ต.ท.ไชยณรงค์ ไชยอินทร์ รองสวป. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมกำลังตำรวจสายตรวจ ได้ร่วมกันจับกุมนายชัยชนะ เฉลิมพงษ์ อายุ 38 ปี ชาวนครราชสีมา พร้อมของกลางอาวุธปืน บราวนิ่ง ขนาด 6.35 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนจำนวน 4 นัด และยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) สามารถจับกุมได้ที่ซอยกรมที่ดิน ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ร.ต.ท.ไชยณรงค์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนำกำลังตั้งด่านป้องกันเหตุอาชญากรรม ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา จากนั้นพบผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์เก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ท่าทางมีพิรุธ จึงเรียกขอทำการตรวจค้น พบอาวุธปืนขนาดเล็กจิ๋วดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋ากางเกงด้านหลังและยังพบยาไอซ์บรรจุอยู่ภายในซองซิบ 1 ซอง จึงควบคุมตัวมายังสภ.เมืองพัทยา

สอบถาม นายชัยชนะ ให้การอ้างว่า อาวุธปืนและยาไอซ์เป็นของตนเองจริง โดยไม่คิดว่าทางเจ้าหน้าที่จะค้นเจอเพราะปืนนั้นเป็นปืนขนาดเล็กจิ๋วมาก แต่ตนเองก็พกไว้เพียงแค่ป้องกันตัวเท่านั้น ส่วนยาไอซ์ก็ซื้อมาเสพเอง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

“นางฟ้าจำแลง” ปันเงินเดือนซื้ออาหารช่วยเจ้าตูบที่ไร้บ้านนานกว่า 2 ปี

พัทยาก็มี ! “นางฟ้าหมาถนน” แบ่งเงิน 8,000-10,000 ทุกเดือน ซื้ออาหารให้น้องหมาจรจัดกว่า 80 ตัว วันเว้นวันหลังเลิกงานกว่า 2 ปี เผยทำด้วยรักไม่แคร์สายตาใคร แค่ทำแล้วมีความสุขก็โอเค คิดอยากให้มีหน่วยงานลงพื้นที่คุมกำเนิดก่อนขยายพันธุ์เพิ่มประชากรบานปลาย

ผู้สื่อข่าวได้รับทราบข้อมูลว่าในเมืองพัทยามีหญิงสาวคนหนึ่งเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนำอาหารมาให้สุนัขจรจัดบริเวณพื้นที่รกร้างหลังหลังห้างโลตัส พัทยาเหนือ ที่อาศัยอยู่เป็นกลุ่มรวมทั้งหมดกว่า 80 ตัว เกือบทุกตอนเย็นหลังเลิกงานมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี จึงลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า
เมื่อไปถึงพบหญิงสาวคนดังกล่าวกำลังนำอาหารสุนัขแบบเม็ดผสมข้าวและเนื้อไก่คลุกให้สุนัขจรจัดกลุ่มหนึ่งอยู่ เมื่อสอบถามปรากฏว่าเธอไม่ต้องการจะออกสื่อ โดยไม่อยากออกหน้าหรือบอกชื่อและนามสกุล แต่พอผู้สื่อทำความเข้าใจถึงบทบาทการทำงาน เธอจึงให้ข้อมูลที่น่าสนใจมา โดยอ้างชื่อสมมุตว่า “นกแก้ว”

S__11042867

น.ส.นกแก้ว (นามสมมุต) บอกกับผู้สื่อข่าวว่าสุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่แถวนี้มีประมาณ 3-4 ฝูง เฉลี่ยรวมแล้วกว่า 80 ตัว อาศัยอยู่บนพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่บริเวณหลังห้างโลตัสทะลุซอยไปจนถึงซอยโพธิสารตัดซอยสะอิ้ง ซึ่งแต่ละฝูงจะไม่ข้ามถิ่นกัน การให้อาหารก็ต้องทยอยให้ทีละจุด ซึ่งจะเดินทางมาให้อาหารสุนัขจรจัดเหล่านี้อยู่เป็นประจำ วันเว้นวัน แต่ถ้าวันไหนมีงานหรือติดธุระวันนั้นสุนัขเหล่านี้ก็ต้องหากินแบบอดๆ อยากๆ กันไป

เธอเล่าว่า เธอทำงานเป็นพนักงานอัตราจ้างอยู่ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา และมีกิจการส่วนตัว ซึ่งแต่ละเดือนจะเจียดเงินที่หามาได้ประมาณ 8,000-10,000 บาท เพื่อนำไปซื้ออาหารมาให้สุนัขเหล่านี้ ตอนแรกก็มาให้นานๆ ครั้ง พอนานวันเข้าก็รู้สึกสงสาร เพราะรู้ว่าสุนัขเหล่านี้เคยเป็นหมาเลี้ยงที่เคยมีเจ้าของแต่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาก็มาบ่อยขึ้นจนเกือบจะทุกวัน โดยทำแบบนี้มาได้กว่า 2 ปีแล้ว

S__11042870

“ส่วนตัวมองว่าปัญหาเหล่านี้ เป็นปัญหาที่ปลายเหตุ ถ้าจะมองที่ต้นเหตุคือคนเรานี่แหละ คนที่เอาหมามาทิ้งเยอะมาก เพราะเลี้ยงไปไม่ถูกใจก็เอามาปล่อย ถ้าไม่มีความพร้อมอย่าไปเลี้ยงเลย เพราะพอพามาปล่อย หมาเหล่านี้ก็ผามพันธุ์ออกลูกหลานเพิ่มมากขึ้น ประชากรสุนัขจรจัดก็มากขึ้น ต่อไปก็จะหาทางแก้ไขได้ยาก”

น.ส.นกแก้ว บอกต่อว่าเธอจะทำแบบนี้ต่อไปโดยที่ไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง อาจมีคนมองว่าสร้างภาพว่าเป็นคนรักสัตว์ เพราะเวลาไปงานเลี้ยงที่ไหนหากมีเศษอาหารเหลือก็จะเก็บรวมไว้ให้สุนัขจรจัด แรกๆก็ไม่มีคนเข้าใจหาว่าทำเอาหน้าบ้าง ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจบ้าง แต่ทุดวันนี้ไม่ได้แคร์หรือสนใจอะไรพวกนั้นแล้ว เรามาทำตรงนี้ เรามีความสุขเวลาเห็นหมามากินอาหารตรงนี้ก็รู้สึกสบายใจแล้ว สังคมจะน่าอยู่ ถ้าคนเรารู้จักช่วยเหลือและแบ่งปัน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยคุมกำเนิดสุนัขเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นก็จะขยายพันธุ์เพิ่มประชากรสุนัขจรจัดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก

ตร.พัทยา ตามรวบอดีตคนขับรถโรงแรม ออกตระเวนเช่ารถตามเต็นท์แล้วเชิดเผ่นหนี

พัทยา-(17 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 18.30 น.พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แถลงข่าวจับกุม นายกานต์ ปั้นบุญชู อายุ 41 ปี ชาว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาในคดีเช่ารถยนต์แล้วเชิดหลบหนี พร้อมของกลางรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กล 2334 ขอนแก่น และรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน ฮน-6807 กรุงเทพฯ โดยมี น.ส.วราภรณ์ สิงห์ค้อ อายุ 38 ปี ผู้เสียหายชาว อ.เมือง จ.ขอนแก่น และน้องชาย ชี้ให้จับกุม

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ น.ส.วราภรณ์ อาชีพรับราชการในตำแหน่งธุรการ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ จ.ขอนแก่น ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุขทัศน์ เพื่อขอให้ช่วยตามรถยนต์ของกลางทั้ง 2 คัน ที่นายกานต์ ผู้ต้องหารายนี้เช่ามาจากเต๊นท์รถที่ น.ส.วราภรณ์ กับเพื่อนร่วมหุ้นกันทำในเมืองขอนแก่น และสามารถจับสัญญาณ จีพีเอส.ของรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ได้ว่าอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา ภายหลังจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับผู้เสียหาย เดินทางไปตามสัญญาณจีพีเอส จนพบรถจอดอยู่บริเวณโกดังตรงข้ามห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพัทยาใต้ และสามารถจับกุมนายกานต์ ได้ในเวลาต่อมา ก่อนสอบขยายผลตามไปยึดรถตู้อีก 1 คัน ที่ ห้างสรรพสินค้าโลตัส ใน อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

โดย น.ส.วราภรณ์ เล่าว่า เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว นายกานต์ ได้นำเอกสารสัญญาการขอเช่ารถยนต์ของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา มาทำการแสดงและอ้างว่าต้องการเช่ารถไปรับส่งลูกค้าชาวต่างชาติในพัทยา และขอเช่ารถตู้ในราคาเดือนละ 17,000 บาท ก่อนที่จะจ่ายเงินบางส่วนให้ กระทั่งเดือน ม.ค.ปีนี้ นายกานต์ นำเอกสารมาขอเช่ารถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ อีก 1 คัน ในราคา 23,000 บาทต่อเดือน พร้อมกับนัดหมายจ่ายเงินประกันจำนวน 20,000 บาทในวันที่ 5 ก.พ. ด้วยความเชื่อใจ และดูเป็นคนภูมิฐาน จึงยอมปล่อยรถไป แต่ภายหลังเจ้าตัวกลับติดต่อไม่ได้และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตนจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ไว้เป็นหลักฐาน และสามารถจับสัญญาณ จีพีเอส.ของรถว่ายังอยู่ในเมืองพัทยา จึงเข้าพบตำรวจและขอให้ช่วยไปจับกุมดังกล่าว
จากการสอบปากคำนายกานต์ ผู้ต้องหารายนี้ให้การรับสารภาพว่า ในอดีตเคยเป็นพนักงานขับรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา แต่ภายหลังเพราะพิษเศรษฐกิจจึงทำให้โดนปลดออกจากงานทำให้ไม่มีเงินใช้ จึงตัดสินใจไปเช่ารถยนต์แล้วเชิดหนี แล้วนำไปส่งต่อให้กับนายเศรษฐวุฒิ ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง เพื่อนร่วมแก๊ง เพื่อเอาไปขายต่อตามเต๊นท์รถย่านลาดกระบัง และ อ.สามโคก จต.ปทุมธานี ในราคาตกคันละประมาณ 70,000 – 100,000 บาท

ด้าน พ.ต.อ.สุขทัศน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายกานต์ มีหมายจับในพื้นที่เมืองพัทยาจำนวน 2 หมาย และพื้นที่ธัญญะบุรีอีก 1 หมาย เบื้องต้นทำการควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง-ทหาร ลุยโค่นต้นกระท่อมบ้านกรรมการมัสยิ


พัทยา-(17 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 18.00 น. นายประพันธ์ ประทุมชุมภู หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย เรืออากาศโทภรศิษฐ์ จิมรามวงศ์ ปลัดฝ่ายป้องกันปราบปราม สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.14 กว่า 20 นาย ได้เข้าตรวจสอบ้านเลขที่ 165/2 ภายในซอย 11 พรประภานิมิต ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังมีการร้องเรียนเข้ามาว่ามีการลักลอบปลูกต้นกระท่อม

IMG_8715

จากการตรวจสอบนายนนท์ธวัช บุญจั่น อายุ 62 ปี เจ้าของบ้าน มีตำแหน่งเป็นกรรมการมัสยิดยามีอุ้ลอิสลาม กำลังกวาดลานบ้านอยู่ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวเอาไว้ก่อน โดยพบว่าต้นกระท่อมสูงประมาณ 6-7 เมตร สภาพนั้นเหลือเพียงแต่กิ่ง ส่วนใบนั้นถูกตัดไปจนเกลี้ยง ซึ่งปลูกไว้อยู่บริเวณประตูหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงนำอุปกรณ์ช่วยกันตัดทำร้ายทิ้ง ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สามารถโค่นต้นกระท่อมได้สำเร็จในที่สุด

IMG_8679

จากการสอบสวน นายนนท์ธวัช เจ้าของบ้าน ให้การว่า ต้นกระท่อมดังกล่าวได้ขึ้นมาเองตั้งแต่เมื่อ 25-30 ปี ก่อนที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ เมื่อใบกระท่อมขึ้นตามต้นก็จะรีบตัดทิ้งทันที ซึ่งบางครั้งก็มักจะมีคนมาขอตัดใบกระท่อมเอากินทำยาแก้โรคเบาหวานและความดัน ทั้งนี้ ก็เคยนำใบกระท่อมกินรักษาความดันเหมือนกัน โดยไม่มีเจตนาปลูกเพื่อขายและไปกระทำการผิดอื่นๆ

เบื้องต้นเปิดเผยว่า สำหรับ นายนนท์ธวัช ไม่มีเจตนานำไปกระทำความผิดจริง เนื่องจากต้นกระท่อมได้ขึ้นมาตั้งแต่ นายนนท์ธวัช ก่อนจะเข้ามาอาศัยในบ้านหลังนี้ โดยมีชาวบ้านพื้นที่ดังกล่าวเป็นพยานยืนยัน ว่าเจ้าตัวจะตัดทิ้งอยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว นายนนท์ธวัช ไปลงบันทึกยังที่ว่าการอำเภอบางละมุง ก่อนจะปล่อยตัวกลับบ้านไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ปกครองบางละมุงร่วมทหาร-ตร. ลุยร้านรับซ่อมมอเตอร์ไซค์ย่านตำบลหนองปรือ

ปกครองบางละมุงร่วมทหาร-ตร. ลุยร้านรับซ่อมมอเตอร์ไซค์ย่านตำบลหนองปรือ หวั่นเป็นสถานที่เพาะเชื้อแก๊งโจรกรรมรถ จยย. สุดท้ายไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

IMG_8615

พัทยา-(17 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 17.00 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ได้สั่งการให้นายประพันธ์ ประทุมชุมภู หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยเรืออากาศโทภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดป้องกันปราบปราม ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.14 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ นำกำลังเข้าตรวจสอบร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ไม่มีชื่อแห่งหนึ่งภายในซอยวัดบุญสัมพันธ์ 7-9 หลังมีข่าวว่าอาจเป็นแหล่งซ่องสุมเครือข่ายโจรกรรมรถจักรยานยนต์

IMG_8633

จากการตรวจสอบพบร้านดังกล่าวเป็นร้านรับซ่อมรถจักรยานยนต์ทั่วไปขนาด 1 คูหา โดยมีนายสืบสกุล จันทวดี อายุ 24 ปี รับเป็นเจ้าของ ทั้งนี้ภายในพบชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์จำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลการแจ้งความรถหายนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ตรวจพบของกลางที่มีการแจ้งหายไว้แต่อย่างใด จะมีเพียงรถของลูกค้าที่จอดรอซ่อมอยู่เท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงเดินทางกลับ

IMG_8638 (1)

นายสืบสกุล เจ้าของร้านให้การว่า อุปกรณ์และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่พบวนร้านนั้นเป็นเพียงอะไหล่ที่รับซื้อต่อมาเพื่อนำมาเป็นอะไหล่เปลี่ยนให้ลูกค้า และรถของลูกค้าที่จอดรอซ่อมนั้นก็มีหลักฐานทุกคัน ไม่มีรถที่ถูกโจรกรรมเข้ามาใช้บริการอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้จะแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยให้เจ้าของรถที่รอซ่อมกับทางร้านนำหลักฐานรถมายืนยันความถูกต้องกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปด้วย

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

เจ้าหน้าที่บุกเข้าล็อคตัวสาวอุดรคลุ้มคลั่งหลังแฟนต่างชาติบอกเลิก

พัทยา-(17 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 02.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุหญิงสาวคลุ้มคลั่งขว้างปาสิ่งของและเอะอะโวยวาย เหตุเกิดที่บริเวณร้านเสริมสวย ภายในซอยบัวขาว ม.9 พัทยากลาง ต.หนองปรือ องบางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา

ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านและนักท่องเที่ยวแตกตื่นยืนดูเหตุการณ์ โดยพบว่าหญิงสาวคนดังกล่าวยืนส่งเสียงเอะอะโวยวายที่หน้าระเบียงชั้นของชั้นที่ 3 ของร้านเสริมสวยและยังขว้างปาสิ่งของลงมาที่ด้านล่างจนชาวบ้านและนักท่องเที่ยวรวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของบริเวณดังกล่าวต่างพากันแตกตื่นวิ่งหลบกันจ้าละหวั่น แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้พยายามพูดเกลี้ยกล่อมที่ด้านล่าง และให้เจ้าหน้าที่อีกชุดขึ้นไปที่ห้องพักเพื่อควบคุมตัว แต่เนื่องจากหญิงดังกล่าวได้ล็อคประตูห้องไม่ให้ใครเข้าไปเจ้าหน้าที่จึงได้พังประตูแต่หลังจากที่กำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปเพื่อทำการคุมตัว กลับต้องวิ่งหลบหนีเนื่องจากหญิงดังกล่าวได้คว้ามีดปลายแหลมไล่ทำร้าย จึงต้องออกมาตั้งหลักอีกครั้ง และ สามารถบุกเข้าไปควบคุมตัวหญิงดังกล่าวได้อย่างปลอดภัยทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.นิภัทตรา กุลชะโร อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี

สอบถามทางด้าน เจ้น้อย เจ้าของร้านเสริมสวย เล่าว่า รู้จักกับ น.ส.นิภัทตรา มานานและพักอาศัยอยู่ที่ร้านบนชั้นที่ 3 โดย น.ส.นิภัทตรา เคยมีแฟนเป็นชาวต่างชาติและเคยพูดว่าแฟนจะลงทุนเปิดบาร์เบียร์และร้านฟิตเน็ตให้ จนระยะหลังได้เกิดทะเลาะกับแฟนต่างชาติและเลิกกันจึงอาจทำให้ น.ส.นิภัทตรา เกิดอาการเครียด และประสบปัญหาเรื่องการเงินที่จะต้องส่งเสียทางบ้านเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง รพ.เพื่อให้แพทย์รักษาอาการต่อไป

รวบ 2 รปภ.กระชากกระเป๋าสาวอะโกโก้ ได้พร้อมของกลาง

พัทยา-(7 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.พันลภ หริ่งรอด รองสวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่อาสาและพลเมืองดี ร่วมกันจับกุม ผู้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ไว้ได้ 2 ราย พร้อมของกลางเป็นกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือ ที่ บริเวณซอย 16 เมืองพัทยา ม.10ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสา และพลเมืองดี ควบคุมตัว นายนิด (นามสมมุติ) อายุ 18 ปีอาชีพ ร.ป.ภ. และนายแอ๊ด(นามสมมุติ) อายุ 18 ปี อาชีพ ร.ป.ภ. ได้พร้อมของกลาง และยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุภายในกระเป๋าเงินสีดำ มีเงินสด 1,000 บาทและโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงราคาประมาณ 6,000 บาท จำนวน 1 เครื่อง

น.ส.วิชญาดา วงษ์แหวน อายุ 26 ปี อาชีพ พนักงานอะโกโก้ ได้เล่าว่า ในขณะที่กำลังเดินอยู่ริมถนนบริเวณกลุ่มบาร์ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากและเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราอยู่ไม่ขาดสาย ได้มีชายวัยรุ่น 2 คน ขับขี่จยย. เข้ามาประกบแล้วกระชากกระเป๋าแล้วหลบหนีไป จึงร้องตะโกนให้เจ้าหน้าที่ และ วินจยย.รับจ้างไล่สกัดจับ จนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้พร้อมของกลาง ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 500 เมตรเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนยัง สภ.เมืองพัทยา

เบื้องต้นเยาวชนทั้งสองรายให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง ส่วนสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุนั้นเพราะไม่มีเงินกินข้าว และค่าห้องเช่า จึงได้ก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินดีตามกฎหมายต่อไป

เมืองพัทยานำคำสั่งให้ผู้ประกอบการแก้ไขการติดตั้งป้ายโฆษณาตามเกณฑ์

ประธานคณะกรรมการปกครองและรักษาความสงบเมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่ นำคำสั่งให้ผู้ประกอบการแก้ไขการติดตั้งป้ายโฆษณาตามเกณฑ์ที่กำหนดก่อนวันที่ 22 ก.พ.นี้ หากยังเพิกเฉยเตรียมส่งเจ้าหน้าที่รื้อเองพร้อมเปรียบเทียบปรับจริงจัง

IMG_7281

นายอนุพงษ์ พุทธนวรัตน์ ประธานคณะกรรมการปกครองและรักาความสงบเมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่โครงการถนนคนเดินพัทยาใต้ หรือวอลค์กิ้งสตรีท พัทยา พร้อมนำหนังสือคำสั่งที่ ชบ 52304/0699 ไปปิดไว้บริเวณหน้าสถานประกอบการวอล์กกิ้งสตรีท พัทยา รวม 169 ราย ที่เข้าข่ายไม่ได้มาตรฐาน เพื่อแจ้งให้ดำเนินการแก้ไขป้ายโฆษณาที่มีความสุงต่ำกว่า 5.50 เมตร ทั้งหมดทุกป้าย เพื่อจัดระเบียบและป้องกันอัคคีภัย สร้างความปลอดภัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ทางคณะทำงานได้ทำการชี้แจงรายละเอียดและทำความเข้าใจแนวทางการจัดระเบียบเรื่องดังกล่าวกับทางผู้ประกอบการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับปากหาแนวทางแก้ไขป้ายร้านของตนเองให้มีความสูงตามกำหนดที่เมืองพัทยาได้ระบุไว้ เพื่อให้ภาพรวมของการดำเนินการเป็นไปอย่างมีรูปธรรม

IMG_7278

แต่อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผู้ประกอบการรายใดที่ยังเพิกเฉยหรือไม่มีการดำเนินการหาแนวทางการดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลา 7 วัน คือ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ เมืองพัทยาจะทำการส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการรื้อถอนป้ายต่างๆ ด้วยตนเอง ก่อนจะทำการเปรียบเทียบปรับในส่วนของค่าดำเนินการกับทางผู้ประกอบการอย่างจริงจังและเด็ดขาดต่อไป