คลังเก็บป้ายกำกับ: คนร้าย

ตร.พัทยา รวบหนุ่มคีร์กีซสถาน ย่องเบาลักทรัพย์ ตามคอนโด ก่อเหตุนับไม่ถ้วน

พัทยา-(4 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา, พ.ต.ท.ปวัชร์ชัย สุดสคร รอง ผกก.ป. ร่วมแถลงข่าวจับกุม MR.HUSEIN KOBOEL อายุ 34 ปี สัญชาติคีร์กีซสถาน พร้อมของกลาง รถจักยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KSR สีขาว หมายเลขเครื่อง JKAKL 110 CEA09811 จำนวน 1 คัน และเสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยมี นายสัญญา พันน้อย อายุ 25 ปี เจ้าของรถยืนยันชี้ตัว

สืบเนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ จำนวนมาก ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามการโจรกรรมรถ ร่วมกับ ชุด ป.พิเศษ สภ.เมืองพัทยา ออกสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ต่อมาวันที่ 3 เมษายน 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ พบรถจักยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KSR สีขาว จอดไว้ที่บริเวณกลางซอยพัทยาปาร์ค หมู่ที่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงตามรถแจ้งหายไว้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 จึงได้เข้าไปทำการตรวจสอบพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์คันที่แจ้งหายไว้จริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จัดกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้เคียง ต่อมาพบ MR.HUSEIN KOBOEL อยู่บริเวณใกล้เคียงรถคันดังกล่าว ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณ ตรงกับคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ โดยกล้องวงจรปิดของทางอพาร์ทเม้นสามารถบันทึกไว้ได้ จึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำ

S__22306830

สอบสวน MR.HUSEIN รับสารภาว่า ได้ก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจริง และจากการสืบสวนขยายผลยังพบว่า MR.HUSEIN ยังได้ก่อเหตุลักทรัพย์ ภายในสำนักงานนิติบุคคล ของคอนโดรอยัล บีช คอนโดเทล เลขที่ 375 ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อีกคดีหนึ่ง ซึ่งจากการก่อเหตุในครั้งนี้ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ

จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ต้องหาได้เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาแล้ว จำนวน 2 ปี ไม่มีอาชีพและที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง และอาศัยการก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อยเลี้ยงชีพ โดยมักจะก่อเหตุลักทรัพย์ ใต้เบาะ จักรยานยนต์ ที่จอดอยู่ตามลานจอดรถของหอพัก คอนโด หลังจากที่ได้ทรัพย์สินมาจะนำจำหน่าย นำเงินมาเสพยาเสพติด และเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่พัทยา

S__22306831

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน (รถจักรยานยนต์), ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

คนร้ายย่องงัดรถขนเงินธนาคารกสิกรไทย แต่คว้าน้ำเหลวกลับบ้านมือเปล่า

พัทยา-(1 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 00.10 น. ร.ต.อ.อนุพงษ์ พวงพี่ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งจากนายไพรัช ดิษฐ์ด้วงปล้อง ว่ารถขนเงินของธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขุมวิท-นาเกลือ ถูกคนร้ายงัดที่ประตูด้านท้าย เหตุเกิดที่ ถนนสุขุมวิท ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบกลุ่มพนักงานขับรถขนเงินยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ โดยรถคันเกิดเหตุยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ ทะเบียน 1 ฒข 6572 กทม ของบริษัทโพรเกรส กันภัย จำกัด เป็นรถขนส่งเงินของธนาคารกสิกรไทย ที่ประตูด้านท้ายมีร่องรอยถูกของแข็งงัดจนได้รับความเสียหาย แต่ไม่สามารถเปิดออกได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ถ่ายภาพพร้อมทั้งเก็บลายนิ้วมือแฝงไว้เป็นหลักฐาน

สอบถาม นายไพรัช ดิษฐ์ด้วงปล้อง อายุ 43 ปี ผู้ควบคุมงานขนส่ง ทราบว่า รถคันเกิดเหตุได้จอดไว้บริเวณริมถนนใกล้เคียงกับธนาคาร จนกระทั่งพนักงานขับรถขนส่งเงินผลัดใหม่ ขับรถเข้ามานำเงินใส่เพื่อนำไปส่งตามจุดต่างๆ ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่ประตูด้านท้าย เมื่อสำรวจอย่างละเอียดก็พบว่าถูกของงัดแงะด้วยของแข็งได้รับความเสียหาย จึงระงับการใช้รถคันถูกก่อเหตุและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายมาก่อเหตุด้วยกัน 1-2 คน พยายามใช้ของแข็งงัดแงะประตูหลัง เพื่อเข้าไปขโมยเงิน แต่คนร้ายไม่สามารถเข้าไปเอาได้เลยถอดใจพากันหลบหนี ซึ่งถ้าหากคนร้ายสามารถงัดประตูได้ ภายในนั้นก็ไม่มีทรัพย์สิน เพราะทางบริษัทได้วางแผนระบบการขนเงินและเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

อุกอาจ ! โจรบุกชิงทรัพย์ ร้านสะดวกซื้อ คืนเดียว 2 แห่ง ตร.เร่งตามตัว

พัทยา-(29 มี.ค. 59) เมื่อเวลา 00.30 น. พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ ภายในร้านแฟมิลี่ มาร์ท ติดถนน สุขุมวิท สาขาพัทยาสุขุมวิท 43/1 พัทยาใต้ หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุภายในร้านพบพนักงานยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในอาการตกใจและร้องไห้ สอบสวน น.ส.จุฬารัตน์ สีชาวนา อายุ 19 ปี พนักงานประจำเคาน์เตอร์ให้การว่า ขณะกำลังขายของอยู่ภายในร้าน มีคนร้าย 1 คน เป็นชายรูปร่างท้วม สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนขายาวสีดำรองเท้าผ้าใบ สวมแว่นตา ลักษณะเป็นชาวอินเดีย พูดไทยชัดเจน

โดยคนร้ายคนได้เดินเข้ามาในสภาพคล้ายคนเมาสุรา เมื่อมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ได้ทำเลนส์แวนตาตกที่พื้นและก้มลงไปเก็บ จึงไม่สนใจอะไรคิดว่าเป็นลูกค้า เมื่อคนร้ายเงยหน้าขึ้นมาได้พูดว่า “มึงอย่ามองหน้ากู ส่งเงินมาให้หมด ไม่อย่างนั้นกูจะฆ่า ถ้าพวกมึงแจ้งตำรวจกูจะฆ่าพวกมึงให้หมด” ด้วยความกลัวตนกับพี่อีกคนจึงเปิดลิ้นชักที่เคาน์เตอร์ ส่งเงินให้คนร้ายไปเมื่อคนร้ายได้เงิน จึงเดินออกไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ที่จอดบริเวณหน้าร้านทำการหลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลา 04.00 น. คนร้ายคนเดียวกันบุกเข้าก่อเหตุร้านแฟมิลี่มาร์ท ทัพพระยาซอย 2 โดยได้ทรัพย์สินเป็นบุหรี่นอกจำนวน 2 ซองและเหล้าโกลด์เลเบิ้ล 1 ขวด รวมราคา 2,389 บาท ก่อนหลบหนีไป

ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่หาข้อมูลเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากคนร้ายได้ก่อเหตุแบบอุกอาจ 2 รายซ้อน ซึ่งไม่แกรงกลัวต่อกฎหมาย

ภาพ/ข่าว Ku Salick

สาวเวียดนามเดินเล่นถูกโจรกระชากกระเป๋า สูญเงินกว่า 70,000 บาท

พัทยา-(27 มี.ค. 59) เมื่อเวลา 00.10 น. MRS. NGUYEN THI HANG อายุ 35 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมไกค์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.กฤชฐา ประทุมแก้ว รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่าได้ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋าสะพาย ขณะที่กำลังเดินเที่ยวอยู่แถวย่านพัทยากลาง บริเวณสถานที่ก่อสร้างห้าง ฮาเบอร์ ซึ่งภายในกระเป๋ามีทรัพย์สินและเอกสารจำนวนมาก

จากการสอบถาม MRS. NGUYEN THI HANG เล่าว่า ตนได้เดินทางมาเที่ยวที่เมืองพัทยา และในขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่นั้นได้สะพายกระเป๋าไว้ โดยไม่คิดว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับตน ซึ่งขณะนั้นได้มีคนร้ายจำนวน 2 คนขับขี่ จยย. เข้ามาประกบแล้วคนนั่งซ้อนท้ายได้กระชากกระเป๋าที่ตนสะพายอยู่ไป ก่อนจะหลบหนีมุ่งหน้าออกไปทางถนนพัทยากลางสุขุมวิท โดยทรัพย์สินภายในกระเป๋ามีเงินไทย 15,000บาท เงินสกุลเวียดนาม 1 ล้านดอง เป็นเงินไทย 15,700 บาท สกุลดอลล่า 300 ดอลล่า มือถือไอโพน 6 พลัส 1 เครื่องราคา 36,000 บาท พร้อมเอกสารสำคัญต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 7 หมื่นบาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานและได้ประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อมูลคนร้ายบริเวณที่เกิดเหตุและตรวจสอบหาภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

เสี่ยจีนเจ้าของโรงงานเมืองเซี่ยงไฮ้ ถูกโจรซิ่งจยย.กระชากสร้อย เผ่นหนีลอยนวล

พัทยา-(24 มี.ค. 59) เมื่อเวลา 01.00 น. ร.ต.ท.(หญิง)เกวลีศิริ ผาสุขธนไพศาล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุกระชากสร้อยคอนักท่องเที่ยว เหตุเกิดบริเวณปากซอยนาเกลือ 29/1 ถนนพัทยา-นาเกลือ ม.5 ต.นาเกลือ อ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ภายหลังรับแจ้งจึงประสานชุดสืบสวน และตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่ตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบผู้เสียหายนักท่องเที่ยวชาวจีน ทราบชื่อคือนายฮ้อง ซาง อายุ 40 ปี เจ้าของโรงงานอิเลคทรอนิกส์ เมืองเซี่ยงไฮ้ ยืนรอตำรวจอยู่ในอาการตื่นตระหนกตกใจ และที่บริเวณลำคอมีรอยแดงช้ำ พร้อมกับให้การผ่านล่ามแปลภาษาจีนว่า ได้เดินทางจากประเทศบ้านเกิดรวมพวกประมาณ 20 คน ท่องเที่ยวยังเมืองพัทยา และมาถึงวันนี้เป็นวันแรก โดยช่วงเย็นที่ผ่านมาก็ได้พากันไปตีกอล์ฟคลายเครียด

ต่อมาได้ชักชวนเพื่อนทั้งหมดมาเลี้ยงฉลองวันเกิดครบ 40 ปีบริบูรณ์ ที่ร้านสตาร์ไดซ์ ผับพัทยา ซึ่งเป็นสถานบันเทิงขึ้นชื่อของเมืองพัทยา หลังจากดื่มกินกันเสร็จแล้วได้เดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของใช้ ระหว่างที่กำลังเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นรถแท็กซี่กลับที่พัก จากนั้นได้มีคนร้ายชายวัยรุ่น สวมหมวกกันน็อกอำพรางใบหน้า ขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนการแต่งกายและรูปร่างไม่สามารถจดจำได้

โดยการก่อเหตุของคนร้ายทำทีชะลอรถ เพื่อให้ตนเองเดินข้ามถนน ซึ่งตอนแรกก็มองว่าคนไทยใจดี แต่เมื่อช่วงก้าวเท้าข้ามถนน คนร้ายได้วนรถกลับผ่านหน้าไปแล้วอาศัยจังหวะดังกล่าวเอื้อมมือกระชากสร้อยคอทอง ยี่ห้อ คาร์เทียร์ ราคาประมาณ 50,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยราว 250,000 บาท ที่สวมใส่อยู่แล้วติดมือคนร้ายไป ก่อนจะเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ภายหลังเกิดเหตุ เมื่อบรรดาเพื่อนเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ก็ต่างพากันถอดเครื่องประดับและทรัพย์สินมีค่าใส่กระเป๋าเก็บไว้อย่างมิดชิด และยืนยันว่าตลอดการท่องเที่ยวเมืองพัทยาจะไม่ใส่โชว์โดยเด็ดขาด อีกทั้งยังรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์นี้อย่างมาก และอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีมาตรการดูแลต่างชาติให้ดีกว่านี้ พร้อมทั้งเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ในเร็ววัน เนื่องจากจะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวรายอื่นได้อีก

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการชุดสืบสวนและตำรวจท่องเที่ยวแบ่งทีมกันทำงาน เพื่อไปหาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี พร้อมกับสั่งตำรวจสายตรวจและอาสาสมัครกระจายกำลังและออกตรวจตราตามจุดเสี่ยงดูแลนักท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ซ้อนแผน รวบหนุ่มหลอกขายทองปลอมหนัก 10 บาท

พัทยา-(2 มี.ค. 59) เมื่อเวลา 23.00 น. ร.ต.อ.พัลลภ หริ่งรอด รองสวป. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมกำลังตำรวจสายตรวจ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายภักดี นาคะสถิตย์ อายุ 46 ปี พร้อมของกลางสร้อยคอทองรูปพรรณปลอมหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น สร้อยข้อมือทองปลอม 1 เส้น และแหวนเพชรอีก 2 วง ในฐานความผิด “คดีฉ้อโกงทรัพย์” โดยมี นายวิโชค ค้าขาย อายุ 71 ปี เป็นผู้เสียหาย

สืบเนื่องจาก ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้แจ้งกับตำรวจว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้มีผู้ต้องหา ซึ่งรู้จักกันแต่ไม่สนิทอะไรมาก ทำทีเข้ามาเสนอขายสร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 5 จำนวน 2 เส้น ขอเสนอราคามาที่150,000 บาท ซึ่งอ้างว่าสร้อยดังกล่าวเป็นของญาติที่ให้มานานแล้ว โดยต้องการขายเพราะว่าต้องการใช้เงินเอาไปใช้หนี้ จึงตกลงกับผู้ก่อเหตุว่าเอาเงินสดจำนวน 52,000 บาท ไปก่อน เมื่อจ่ายเงินก็เสร็จเรียบร้อย

จากนั้นผู้เสียหาย ได้นำสร้อยคอทองคำที่ซื้อต่อคนร้ายไปตรวจสอบดูปรากฏว่าเป็นทองปลอม จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนผู้เสียหายจะวางแผนจะขอซื้อแหวนเพชรเพิ่ม หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการจับกุมตัวทันที ตรวจค้นพบแหวนเพชรปลอมจำนวน 2 วง สร้อยข้อมือทองคำปลอมอีก 1 เส้น พระเครื่องจำนวนหนึ่ง เงินสดจำนวนหนึ่ง และยากล่อมประสาท ตำรวจจึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การอ้างว่า สร้อยทองปลอมดังกล่าวได้สั่งซื้อเพื่อนที่อยู่กรุงเทพมหานคร ก่อนจะนำมาหลอกขายให้กับผู้เสียหายในราคาถูก เพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้การพนันฟุตบอล แต่ก็ไม่รอดถูกผู้เสียหายซ้อนแผนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดีได้ในที่สุด

นอกจากนี้ ทางผู้เสียหาย ระบุว่า ตลอดเวลาที่ผู้ก่อเหตุมาเข้าทุกครั้ง ก็จะนำเครื่องดื่มชูกำลังให้ดื่มตลอด โดยทุกครั้งจะรู้สึกง่วงซึม ใครพูดอะไรก็จะเชื่อแบบง่ายๆ ทั้งนี้ จึงอยากฝากไปยังประชาชนอย่าหลอกเชื่อกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะถ้าถูกกลหลวงก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

คนร้ายยิงร้านหมูกระทะ ดอดมอบตัว สารภาพแค้นถูกหยามศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย

กรณี นายอานนท์ จุนสุมทร อายุ 25 ปี น้องชายเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ “ด.ต.” สังกัดโรงพักแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ถูกชายคนรักใหม่ของอดีตแฟนสาว ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจ่อยิงศีรษะจนเสียชีวิต ภายในร้านนัดพบหมูกระทะ&เหล้าปั่น ตั้งอยู่ริมถนนสุทธาวาส ม.7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อกลางดึกวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุ โดยเบื้องต้นทาง พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก.สภ.หนองปรือ สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งออกหาข่าวติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามที่รายงานไปแล้วนั้น

S__19882069

ความคืบหน้าของคดีนี้ เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 2 มี.ค. 59 พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก.สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน แถลงข่าวจับกุม นายเมธี หรือธี มุ่งหาดี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 8 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก โดยมีบิดา-มารดา และพี่ชายของผู้ตายซึ่งเป็นตำรวจยศ ด.ต. สังกัดโรงพักแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) เดินทางมาดูหน้าคนร้ายและเข้าขอบคุณตำรวจชุดจับกุม

สอบปากคำนายเมธี ให้การรับสารภาพว่า ปกติตนมีอาชีพขับรถแท็กซี่ป้ายดำในเมืองพัทยา ในวันเกิดเหตุตนกับ น.ส.ซารดา ดลฉกรรจ์ อายุ 24 ปี ภรรยา และเพื่อนชายอีก 1 คน เดินทางไปนั่งรับประทานหมูกระทะที่ร้านดังกล่าว และไปพบกับกลุ่มของนายอานนท์ อดีตแฟนเก่าภรรยาตน พร้อมกับเพื่อนชายวัยรุ่นรวม 7 คน ที่นั่งกินอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งในระหว่างที่นายอานนท์ เดินผ่านโต๊ะของตนเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ก็มักจะพูดจาเหน็บแนมและให้ของลับตนตลอดเวลา แต่ที่ตนโมโหจนทนไม่ไหวคือคำพูดที่ว่าเคยมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของตนมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย

ภายหลังตนจึงขับรถยนต์กลับไปเอาอาวุธปืนลูกโม่ที่ซื้อผ่านทางเว็บไซต์ในราคา 40,000 บาท แล้วกลับมาที่ร้านและเปิดฉากชกต่อยกับนายอานนท์ เมื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้ตนจึงชักอาวุธปืนออกมาและเกิดการยื้อแย่งกัน จนทำให้ปืนลั่นถูกศีรษะนายอานนท์ จนเสียชีวิตจากนั้นจึงหนีกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนตัดสินใจเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ทำไปเพราะความแค้น

S__19882067

ทางด้าน น.ส.ซารดา ภรรยาของนายเมธี ได้นำทะเบียนสมรสมาโชว์ต่อหน้าสื่อมวลชนในระหว่างแถลงข่าว พร้อมกับระบุว่า ตนกับนายเมธี ผู้ต้องหาในคดีนี้ แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นกิ๊กตามที่สื่อมวลชนรายงานในตอนแรก โดยก่อนหน้านี้ได้คบหาเป็นแฟนกับนายอานนท์ ผู้ตาย แต่มาระยะหลังนายอานนท์ ติดยาเสพติดและถูกตำรวจจับในคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ซึ่งศาลตัดสินจำคุก 4 ปีและเพิ่งจะพ้นโทษออกมาเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ตนทนพฤติกรรมไม่ไหวจึงขอบอกเลิกและมาแต่งงานอยู่กินกับนายเมธี ได้กว่า 1 ปีเศษแล้ว

พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.หนองปรือ เร่งออกหาข่าวติดตามจับกุมคนร้ายมาให้ได้ เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ คนร้ายลงมือยิงผู้อื่นต่อหน้าลูกค้าจำนวนมากที่เข้าไปนั่งรับประทานหมูกระทะ ซึ่งในเวลาต่อมาคนร้ายทนแรงกดดันไม่ไหว จึงยอมเข้ามอบตัวกับตำรวจ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายเมธี ว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ และใช้อาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สาวขายประกัน ถูกมือดีทุบกระจกก่อนฉกทรัพย์สิน ขณะจอดกินก๋วยเตี๋ยว

พัทยา-(29 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ ก่อนลักทรัพย์สินไปหลายรายการ เหตุเกิดบริเวณร้าน ก๋วยเตี๋ยวบ้านบึง ริมถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าพัทยา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ รุดไปตรวจสอบ

29560

ที่เกิดเหตุบริเวณริมถนนสุขุมวิท ก่อนถึงร้านก๋วยเตี๋ยวประมาณ 50 เมตร พบรถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบอร์นทอง ทะเบียน บร-335 พิษนุโลก จอดอยู่สภาพบริเวณกระจกด้านซ้ายแตกทั้งบาน ตรวจสอบภายในรถพบว่า กระเป่าเป้ภายในบรรจุ ไอแพด 1 เครื่อง (มูลค่าประมาณ 10,000 บาท) บัตรเอทีเอ็ม และเอกสารสำคัญต่างๆ สูญหายไป

สอบสวน น.ส.เอ(ขอสงวนนาม) อายุ 28 ปี พนักงานขายประกันบริษัทเอไอเอ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้เดินทางมาดูงานสัมมนาที่สำนักงานใหญ่สาขานาจอมเทียน ระหว่างเดินทางกลับจึงแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านดังกล่าว หลังจากกินเสร็จใช้เวลาประมาณ 30 นาที ตนจึงกลับมาที่รถจนพบว่ารถถูกคนร้ายทุบกระจกและทรัพย์สินสูญหายไปจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว

29564

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และใช้แอพพลิเคชั่นตรวจหาสัญญาณของไอแพด เพื่อติดตามหาเบาะแสของคนร้ายต่อไป

รวบ 2 รปภ.กระชากกระเป๋าสาวอะโกโก้ ได้พร้อมของกลาง

พัทยา-(7 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.พันลภ หริ่งรอด รองสวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่อาสาและพลเมืองดี ร่วมกันจับกุม ผู้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ไว้ได้ 2 ราย พร้อมของกลางเป็นกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือ ที่ บริเวณซอย 16 เมืองพัทยา ม.10ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสา และพลเมืองดี ควบคุมตัว นายนิด (นามสมมุติ) อายุ 18 ปีอาชีพ ร.ป.ภ. และนายแอ๊ด(นามสมมุติ) อายุ 18 ปี อาชีพ ร.ป.ภ. ได้พร้อมของกลาง และยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุภายในกระเป๋าเงินสีดำ มีเงินสด 1,000 บาทและโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงราคาประมาณ 6,000 บาท จำนวน 1 เครื่อง

น.ส.วิชญาดา วงษ์แหวน อายุ 26 ปี อาชีพ พนักงานอะโกโก้ ได้เล่าว่า ในขณะที่กำลังเดินอยู่ริมถนนบริเวณกลุ่มบาร์ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากและเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราอยู่ไม่ขาดสาย ได้มีชายวัยรุ่น 2 คน ขับขี่จยย. เข้ามาประกบแล้วกระชากกระเป๋าแล้วหลบหนีไป จึงร้องตะโกนให้เจ้าหน้าที่ และ วินจยย.รับจ้างไล่สกัดจับ จนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้พร้อมของกลาง ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 500 เมตรเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนยัง สภ.เมืองพัทยา

เบื้องต้นเยาวชนทั้งสองรายให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง ส่วนสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุนั้นเพราะไม่มีเงินกินข้าว และค่าห้องเช่า จึงได้ก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินดีตามกฎหมายต่อไป