เจ้าของร้านซักอบรีดโวยตำรวจไม่รับแจ้ง หลังชายฉกรรจ์ 5 คน บุกเข้าร้านตอนมืดค่ำ ตรวจสอบพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยเคยถูกร้องเรียน หลังก่อเหตุแอบอ้างเป็น อย.และตำรวจ เรียกเก็บเงินผู้ประกอบการ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา

พัทยา-(29 พ.ค. 59) น.ส.ชญานันท์ คงคาทอง อายุ 42 ปี เจ้าของร้านแหม่มซักอบรีด ตั้งอยู่เลขที่ 18/95 หมู่บ้านฉัตรแก้ว 9 ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นำภาพวงจรปิดที่จับพฤติกรรมชายฉกรรจ์ 5 คน บุกเข้าร้านตอนมืดค่ำขณะตนเองอยู่กับลูกสาว 2 คน หลังจากชายฉกรรจ์ออกจากร้านไป ได้นำภาพวงจรปิดไปแจ้งความลงบันทึกที่ สภ.หนองปรือ แต่ตำรวจไม่ยอมรับแจ้ง พร้อมชี้แจงว่าชายฉกรรจ์ทั้ง 5 คนยังไม่ได้ทำอะไร

โดย น.ส.ชญานันท์ คงคาทอง เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 27 พ.ค.59 ที่ผ่านมา มีชายฉกรรจ์ 5 คนมายืนที่หน้าร้าน ซึ่งตอนนั้นตนเองอยู่กับลูกสาวและได้ปิดประตูร้านแล้ว ชายฉกรรจ์ 2 ใน 5 คนเดินเข้าเคาะประตู ลูกสาวจึงเปิดประตูให้ ชายทั้ง 2 ก็เดินเข้ามาในร้านโดยไม่ยอมแสดงตัวว่าเป็นใคร แล้วถามว่าขายของแบรนด์เนมหรือป่าว จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านหยิบเสื้อผ้าที่เป็นมือสองที่แหวนอยู่ดู ตนเองบอกว่าไม่ได้ขายของแบรนด์เนม ขายแค่เสื้อผ้ามือสองที่ตนไม่ได้ใส่แล้วเท่านั้น พอกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเห็นว่าในร้านมีกล้องวงจรปิด จึงเดินออกจากร้านไป

น.ส.ชญานันท์ คงคาทอง ยังกล่าวต่อว่า วันรุ่งขึ้นคือเช้า 28 พ.ค.59 ตนเองก็นำหลักฐานต่างไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ ไม่รับแจ้งบอกเพียงว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งตนเห็นว่าที่ตนมาแจ้งเพราะตนเองอยู่กับลูกสาว ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 5 คน เข้ามาที่ร้านโดยไม่บอกหรือแสดงตัวเองว่าเป็นใคร ซึ่งตนเองคิดว่ามันเป็นอันตรายกับตนและลูกสาว ซึ่งในวันนั้นหากแฟนชาวต่างชาติตนอยู่ก็ไม่รู้ว่ายฉกรรจ์เหล่านั้นจะทำอย่างไรเพราะชาวต่างชาติส่วนใหญ่กลัวตำรวจอยู่แล้ว
นอกจากนั้น น.ส.ชญานันท์ คงคาทอง ยังระบุว่าที่ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือนำเรื่องดังกล่าวมาร้องสื่อก็เพราะว่า ตนเองเป็นผู้หญิงอยู่กับลูกสาว 2 คน มันอันตรายมากๆ ยิ่งตอนเกิดเหตุเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว มันอันตรายเพราะเมืองพัทยาก็มีข่าวทำนองนี้อยู่ประจำ

หลังจากพูดคุยกับ น.ส.ชญานันท์ คงคาทอง แล้วผู้สื่อข่าวได้ดูภาพวงจรปิดพบว่า ชายฉกรรจ์ที่มาร้านแหม่มซักอบรีด เป็นกลุ่มเดียวกับที่ไปแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ อย. และตำรวจภาค 2 ที่ไปเรียกเก็บเงินร้านขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ร่างกาย ย่านชายหาดจอมเทียน ซึ่งเจ้าของร้านได้แจ้งความดำเนินคดี พร้อมเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม อ.บางละมุง เมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

พัทยา-(29 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีชาวต่างชาติใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายสาวไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่ตัวเองจะกระโดดตึกลงมาเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดที่วิวทะเลคอนโดมิเนียม โครงการ 3 ซอย 6 ถนนพระตำหนัก พัทยาใต้ หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ออมสิน สุขการค้า หัวหน้างานสอบสวน พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. นำกำลังตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และตำรวจท่องเที่ยว พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าตึกบี พบร่างผู้บาดเจ็บเป็นหญิงไทยทราบชื่อ น.ส.นงคราญ สอนดี อายุ 29 ปี ชาว จ.สุรินทร์ สภาพถูกของมีคมแทงเข้าที่ลำคอและศีรษะจนเป็นแผลเหวอะหวะได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมี น.ส.ณัฐกานต์ เขตแวงควง อายุ 45 ปี เพื่อนสาวชาวไทยคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ หน่วยกู้ภัยจึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่ง รพ.พัทยาเมโมเรียล ส่วนที่พื้นหน้าบันไดทางขึ้นคอนโดฯ พบศพชายชาวต่างชาติทราบชื่อ Mr.Frode (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 40 ปี สัญชาตินอร์เวย์ นอนหงายเสียชีวิตอยู่ในสภาพแขน-ขาหัก ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาล ตามร่างกายมีแผลถลอกหลายแห่ง ค้นในตัวพบมีเข็มฉีดยา 1 ชุด

ถัดไปประมาณ 20 เมตร เจอมีดทำครัวเปื้อนเลือดตกอยู่ในพุ่มต้นดอกเข็ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ใกล้กันพบ Mr.Geir Uno Templet อายุ 35 ปี สัญชาตินอร์เวย์ เพื่อนของผู้ตาย ยืนร่ำไห้ด้วยความเสียใจ ก่อนพาขึ้นไปตรวจสอบบนห้องพักเลขที่ 441/159 ชั้น 10 ซึ่งเป็นห้องของ Mr.Geir พบมีร่องรอยการต่อสู้จนข้าวของแตกกระจายและมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ ส่วนบริเวณหลังห้องซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายกระโดดลงมา พบคราบเลือดเปื้อนอยู่ที่ราวระเบียง

จากการสอบสวน Mr.Geir ทราบว่า ได้ซื้อห้องดังกล่าวพักอาศัยอยู่นาน 2 ปีกว่าแล้ว ก่อนเกิดเหตุเมื่อกลางดึกคืนวานนี้ตนกับ Mr.Frode ผู้ตาย ได้เดินทางไปท่องราตรีที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านพัทยาใต้ ก่อนที่จะซื้อเวลา น.ส.นงคราญ (คู่ขา Mr.Geir) กับ น.ส.ณัฐกานต์ (คู่ขา Mr.Frode) สาวบาร์เบียร์ กลับมานั่งดื่มสุราต่อที่ห้อง กระทั่งรุ่งเช้าสุราหมดตนเลยลงมาซื้อ พอกลับขึ้นไปพบว่า น.ส.นงคราญ คู่ขาของตัวเองถูก Mr.Frode ใช้อาวุธมีดแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่ Mr.Frode จะปีนระเบียงแล้วกระโดดลงมาฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด ตนกับ น.ส.ณัฐกานต์ จึงพากันหอบหิ้วร่างคนเจ็บลงลิฟมายังชั้นล่างเพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะนำตัวส่ง รพ.พัทยาเมโมเรียล

ด้าน ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี รองสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า จากการสอบสวน น.ส.ณัฐกานต์ เพื่อนคนเจ็บ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องนอน ได้ยินเสียง น.ส.นงคราญ ซึ่งอยู่ที่ห้องโถง ร้องขอความช่วยเหลือพร้อมกับบอกว่าถูก Mr.Frode ใช้อาวุธมีดแทง เลยรีบออกมาดู พบร่าง น.ส.นงคราญ นั่งอยู่ในสภาพโชกเลือด ระหว่างนั้น Mr.Geir กลับเข้ามาในห้องพอดี Mr.Frode จึงรีบวิ่งไปที่หลังห้องก่อนปีนระเบียงกระโดดออกไปจนร่างกระแทกพื้นเสียชีวิตคาที่ดังกล่าว

ส่วนสาเหตุที่ Mr.Frode ใช้อาวุธมีดแทง น.ส.นงคราญ เบื้องต้นไม่ทราบแน่ชัดว่ามาจากเรื่องอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจะได้ส่งศพผู้ตายไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้เจ้าหน้าที่สถานทูตให้รับทราบ และคงต้องรอให้อาการของ น.ส.นงคราญ ดีขึ้นเพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

จากกรณีเพจเฟสบุ๊ค “เรารักพัทยา” มีการแชร์โพสของคุณ ธนายุทธ เด็กบ้านนอก คลาสสิค โดยระบุข้อความว่า “พัทยาเตือนภัย โจรทอมแสบ ขโมยตุ๊กตาร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดตลาดสำเพ็ง หลังบิ๊กซี พัทยาเหนือ เวลาประมาณ 14.00 น. ตอนนี้ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพัทยาแล้ว 27/5/59 ” พร้อมภาพวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมของโจรทอมรายนี้ขณะก่อเหตุไว้ด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 28 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ร้าน บี แอล พาณิชย์ ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุลักษณะเป็นสโตร์ขายสินค้าเบ็ดเตล็ดขนาดใหญ่ มีพนักงานกว่า 40 คน กล้องวงจรปิดจำนวน 32 ตัว

จากการสอบถาม น.ส.จิรารัตน์ ปูทา อายุ 30 ปี พนักงานขายสินค้าประจำร้านดังกล่าว เล่าว่า เหตุเกิดประมาณ 14.00 น. ของเมื่อวานนี้(27 พ.ค.59) ในขณะที่ตนเองกำลังนั่งประจำเคาน์เตอร์คิดเงิน เพื่อขายสินค้าให้ลูกค้าอยู่นั้น ได้มีหญิงสาวผมสั้น ลักษณะคล้ายทอมบอย แต่งกายสวมเสื้อแขนสั้นลายสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำ สวมผ้าปิดปาก เดินหิ้วถุงใส่สินค้าผ่านเคาน์เตอร์คิดเงินไป ซึ่งตนไม่ได้เอะใจแต่อย่างไร จากนั้นมีน้องพนักงานอีกคนได้เดินมาบอกว่า มีคนขโมยของในร้าน ตนจึงรีบวิ่งตามไปพร้อมกับน้องพนักงาน จึงพบสาวทอมคนดังกล่าวยืนอยู่บริเวณห้างที่กำลังก่อสร้างตรงข้ามร้าน และเมื่อสาวทอมรู้ตัวว่าถูกจับได้ จึงรีบวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกตนได้วิ่งติดามไปแต่ไม่ทัน

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจึงพบว่า สามารถจับภาพรูปพรรณและพฤติกรรมของคนร้ายได้ไว้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังพบว่า สาวทอมได้ลักขโมยสินค้าไปจำนวนหลายชิ้นด้วยกัน ได้แก่ ตุ๊กตาหมี (มูลค่า 299 บาท) เทียนหอม และลูกโป่งเป่าลม อีกจำนวนหนึ่ง เชื่อว่าอาจจะเอาไปให้คนรัก หรือเก็บไว้เองด้วยความชอบส่วนตัว ภายหลังจึงได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยาดังกล่าว

ทั้งนี้ จึงอยากประชาสัมพันธ์ถึงผู้ประกอบการร้านค้ารายอื่นๆ เพื่อเตือนภัยให้ระวังระมัดโจรลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งอาจแฝงตัวมากับกลุ่มลูกค้าก็เป็นได้ และหากใครพบเห็นคนร้ายลักษณะดังภาพ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สภ.เมืองพัทยา หรือเจ้าหนาที่ตำรวจ ใกล้เคียง

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

หนุ่มเมืองชลบุรีช่างก่อสร้าง จุดธูปขอขมาพระก่อนตัดสินใจผูกคอตายลาโลกใต้ต้นมะม่วง ด้านตร.ไม่ปักใจเชื่อหลังญาติอ้างพระมรดกเก่าแก่ราคาหลักหมื่นบาทที่ผู้ตายรักและหวงแหนได้สูญหายไป อย่างไรก็ตามจะต้องรอผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจว่าเป็นการฆ่าตัวตัวเองหรือถูกฆาตกรรม

พัทยา-(30 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.อ.อัศวิน จันโท รองสว.สอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีคนผูกคอฆ่าตัวตาย เหตุเกิดที่บ้านพักเลขที่ 27/5 ม.6 ซอยหนองใหญ่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยังหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบประชาชนในละแวกใกล้เคียงมุงดูภาพอันน่าเวทนา ของชายหนุ่มทราบชื่อคือ นายเอนก หุ่นประดิษฐ์ อายุ 36 ปี อาชีพช่างก่อสร้างในสภาพไม่สวมเสื้อ นุงกางเกงขาสั้นสีดำ ใช้เชือกไนลอนผูกกับกิ่งต้นมะม่วงปลายเชือกมัดเป็นบ่วงคล้องติดกับคอ ร่างห้อยต่องแต่งลิ้นจุกปากเป็นที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก ตรวจสอบใกล้กันยังพบพระพุทธรูปพร้อมธูป 3 ดอกถูกจุดบูชาคล้ายกับขอขมา เจ้าหน้าที่จึงต้องกั้นผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งนำร่างผู้เสียชีวิตลงมายังด้านล่าง

สอบถาม น.ส.นุช เปา อายุ 35 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่าในขณะที่ตนเองเดินออกมาปิดน้ำ ได้สังเกตเห็น นายเอนก(ผู้ตาย) คล้ายกับปีนอยู่บนต้นไม้ แต่เห็นว่าขาลอยจากพื้น ด้วยความสงสัยจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า นายเอนก(ผู้ตาย)ผูกคอตายห้อยแกว่งไปมาอยู่กับกิ่งมะม่วงหน้าบ้าน จึงรีบตะโกนให้คนมาช่วยและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากทางญาติว่า นายเอนก(ผู้ตาย) นั้นจะแขวนบูชาพระห้อยคอติดตัวไว้ตลอดเวลา และพระเครื่ององค์ดังกล่าวนั้นเป็นมรดกตกทอด ซึ่ง นายเอนกรักและหวงแหนเป็นอย่างมาก ถึงขนาดมีเซียนพระมาขอเช่าบูชาหลักหมื่นบาทก็ยังไม่ยอมขาย แต่ปรากฏว่าพระเครื่องที่ห้อยคอของนายเอนกได้หายไป และบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่มีผู้ใดพบเห็น จึงทำให้เป็นที่งุนงงของญาติๆ

อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.อัศวิน จันโท รองสว.สอบสวน เจ้าของคดี ได้ถ่ายภายไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุการตายนั้นยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย จึงจะต้องรอผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อยืนยันสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป

พัทยา-(29 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 00.30 น. ร.ต.อ.ปิยะ อุ่นเรือง รอง.สว.สส. (สอบสวน) สภ.ห้วยใหญ่ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์พ่อค้ารถพ่วงข้าง บริเวณหน้าวัดเขาไม้แก้ว ม.1 ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วนำกำลังรีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุถนนทางหลวง 3240 (สาย 36-เขาไม้แก้ว) ตรวจสอบพบชายพิการขาขวาลีบ ทราบชื่อต่อมาคือ นายเอนก กิ่มนอก อายุ 50 ปี อยู่บ้านเดิมเลขที่ 368 ม.7 ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ พ่อค้าขายขนมหวานและแมลงทอด ยืนรอให้การในสภาพตกใจกลัวและน้ำตาคลอเบ้าว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กฏ 7475 ระยอง ซึ่งเป็นรถขายขนมหวานและแมลงทอด เพื่อกลับที่พักหลังจากไปตระเวนขายของตลอดช่วงเย็นที่ผ่านมา พอมาถึงที่เกิดเหตุ ได้มีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อ ลักษณะโหลดเตี้ยแต่งซิ่งสีขาว ล้อแม็กสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับมาปาดหน้า จนรถของตนต้องหักหลบลงข้างทาง

จากนั้นคนร้าย 4 คน ที่นั่งอยู่ท้ายกระบะได้กระโดดลงจากรถ แล้วเดินปรี่เข้ามาหา โดย 1 ใน 4 คนร้ายถือไม้หน้าสามยาวประมาณ 1 ฟุต พูดจาข่มขืน “ถ้าไม่อยากตายก็อยู่เฉยๆ” ซึ่งขณะนั้นยอมรับว่ากลัวมาก จึงได้แต่ก้มหน้า แต่สังเกตเห็นเพียงว่าคนร้าย พยายามรื้อค้นทรัพย์สินภายในรถของตน โดยคนร้ายใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ก็พากันวิ่งขึ้นรถกระบะแล้วพากันหลบหนีไปทันที ส่วนตนตรวจสอบทรัพย์สินพบว่าเงินสดที่ขายของมาตลอดทั้งวันและเงินเก็บสะสม รวมทั้งหมด 6,000 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องซึ่งอยู่ในกระเป๋าสะพาย ถูกคนร้ายเอาไปทั้งกระเป๋า

เบื้องต้นตำรวจได้นำตัวผู้หายไปสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งประสานตำรวจฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และกำชับ ให้ติดตามคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีให้ได้ เพราะถือว่าเป็นบุคคลใจบาป ทำได้แม้กระทั้งคนพิการ โดยสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ตระเวนก่อเหตุหาเงินเที่ยวหรือนำไปซื้อยาเสพติดเสพ อย่างไรก็ตามจะได้เร่งติดตามกลุ่มคนร้านรายนี้มาดำเนินคดีให้โดยเร็วต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick