รอง ผบ.ตร.เปิดโครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ขับไม่ดื่ม
ดื่มไม่ขับ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หวังลดอุบัติเหตุ
ระบุเมืองพัทยาต้องบังคับใช้กฎหมายจริงจังเรื่องการสวมหมวกนิรภัย 100%
วันนี้ (6 เม.ย.62) ที่โครงการ เดอะ ลิตเติ้ล วอล์ก พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ร่วมรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 % ที่ได้รับการสนับสนุนจาก บ.วีเซล อินเตอร์เนชั่นแนล ไทยแลนด์ และเมืองพัทยา ในการแจกหมวกนิรภัยพร้อมกล้องตรวจจับจำนวน 200 ใบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา สภ.บางละมุง สภ.นาจอมเทียน และหมวกนิรภัยทั่วไปอีกจำนวน 200 ใบเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยมี มร.เดวิด คัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารวีเซล อินเตอร์เนชั่นแนล ไทยแลนด์ ดร.สันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ อดีต รมช.ว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา เข้าร่วมในพิธี
พล.ต.อ.ดร.วีระชัย กล่าวว่าเนื่องด้วยเข้าใกล้สู้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย 2562 แต่ละปีจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาจราจรและอุบัติตามมาทำให้ในช่วงเทศ กาลดังกล่าวผู้ได้รับบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก โดยจากสถิติจากศูนย์อำนวยการลดอุบัติเหตุทางถนนในปี 2561 พบว่าเกิดอุบัติเหตุรวมในช่วงเทศกาลสงกรานต์กว่า 3,724 ครั้ง เสียชีวิตถึง 417 ราย ซึ่งสาเหตุส่วนมากมาจากการเมาแล้วขับรถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัย ด้วยเหตุนี้ทางรัฐบาลจึงมีนโยบายในการรณรงค์และเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้อย่างจริงจังในปี 2562 นี้ เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดย เฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างเมืองพัทยา
พล.ต.อ.ดร.วีระชัย กล่าวว่าวันนี้จะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์และการบังคับใช้กฎหมาย โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างจริงจัง 100 % สำหรับผู้กระทำผิด ทั้งการดื่มแล้วขับ การไม่สวมหมวก ที่อาจสร้างอันตรายให้กับชีวิตและทรัพย์สิน โดยใช้นโยบายตำรวจยุค 4.0 ซึ่งจะนำเทคโนโลยีจากกล้องมาบันทึกเหตุการณ์เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ทั้งกรณีที่เกิดเหตุซึ่งหน้าและการออกหมายเรียกผู้ที่กริผดภายหลังเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีซึ่งจะทำให้ลดปัญหาอุบัติภัยบนท้องถนนได้เป็นอย่างดี
พัทยา-(19 ก.ค. 60) เมื่อเวลา 19.00 น. พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ ได้ตัวผู้ต้องหาทราบชื่อ คือ นายก้องภพหรือกุ๊ก เรืองคำ อายุ 37 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดประเภทที่ 1 เป็นยาบ้าจำนวน 9,800 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 137.23 กรัม ที่บริเวณในสถานีน้ำมัน ปตท.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ก่อนการจับกุมสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้จับกุมตัวผู้เสพยาเสพติดและผู้ค้ารายย่อย จึงได้ทำการสืบสวนหาข่าวจนทราบว่ามีผู้ลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่นำยาเสพติดเข้ามาส่งให้กับผู้ค้ารายย่อยเพื่อนำมาขายต่อให้กับเยาวชนและนักเที่ยวตามสถานบันเทิงในพื้นที่เมืองพัทยา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและร่วมกันวางแผนล่อซื้อ
โดยให้สายลับติดต่อซื้อยาเสพติดกับ นายกุ๊ก และมีการนัดส่งยาเสพติดกันภายในปั๊มปตท. เขาไม้แก้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงนำกำลังไปซุ้มดู จนกระทั้งมีรถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโลเลต สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ขอ 6115 ชลบุรี เข้ามาจอดภายในปั๊มและมีคนหิ้วถุงพลาสติกสีฟ้าลงจากรถอย่างน่าตาเฉยเหมือนหิ้วถุงกับข้าว เจ้าหน้าที่ตำรวจซุ้มดูจนมั่นใจว่าเป็นพ่อค้ายาติดซึ่งตรงตามรูปพรรณสัณฐานที่สายลับแจ้ง จึงแสดงตัวขอตรวจค้นชายคนดังกล่าวพยายามวิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าตำรวจได้วางแผนมาอย่างรัดกุมจึงสามารถควบคุมตัวนายกุ๊ก พร้อมของกลางซึ่งอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้า เป็นยาบ้าจำนวน 4 มัด มัดละ 10 ถุง มัดที่ 4 มีเพียง 9 ถุง ถุงละ 200 เม็ด รวม 9,800 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 2 ถุง ถุงแรกน้ำหนัก 72.69 กรัม ถุงที่สองน้ำหนัก 64.54 กรัม รวม 137.23 กรัม จึงควบคุมส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.อภิชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ยังกล่าวอีกว่าการจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ให้มีการกวาดล้างยาเสพติดไม่ให้แพร่ละบาดในหมู่นักเที่ยวและเยาวชน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สภ.เมืองพัทยาหาข่าวและกวาดล้างจับกุมต่อเนื่อง ทั้งในสถานบันเทิง และปาร์ตี้ต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันและตัดวงจรยาเสพติดอีกด้วย
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยา-(10 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 03.00 น.ร.ต.อ.ปิยะ บุญอ่อน รองสว.สอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถตู้เสียหลักชนเสาไฟฟ้าเกิดเพลิงลุกใหม่ เหตุเกิดบริเวณใกล้เคียงวัดห้วยใหญ่ ม.3 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยาและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงห้วยใหญ่รีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีบรอนซ์ เสียหลักตกข้างทางชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูง จนเสาไฟฟ้าล้มลงมาทับกลางรถ สายไฟขาดระโยงระยางยาวกว่า 200 เมตร ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงรีบฉีดน้ำระงับเพลิงเพลิงที่โหมอย่างรุนแรงท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากบริเวณจุดเกิดเหตุเนื่องจากสายไฟฟ้าแรสูงยังมีกระแสไฟ สร้างความลำบากให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก
สอบถามนายมานะ ภิญโญพงษ์ อายุ 58 ปี คนขับ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุกำลังเดินทางกลับที่พัก หลังจากไปงานเลี้ยงฉลองกับกลุ่มเพื่อน ได้ขับมาตามเส้นทางถนนห้วยใหญ่ท่ามกลางสายฝน มารู้สึกตัวอีกที่พบว่าได้เสียหลักตกข้างทางชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูงมีเพลิงลุกไหม้ที่ด้านหน้าของตัวรถ จึงรวบรวมสติวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้แบบหวุดหวิด โดยที่ตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ก่อนมีชาวบ้านช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
เบื้องต้นร.ต.อ.ปิยะ บุญอ่อน รองสว.สอบสวน เจ้าของคดี ได้บันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมทั้งควบคุมตัวนายมานะ มาสอบปากคำและตรวจวัดปริมาณระดับแอลกอฮอในร่างกายว่าเกินกฎหมายกำหนดหรือไม่ ส่วนสาเหตุคนขับอาจจะหลับใน หรือขับฝ่าสายฝนทำทัศวิสัยในการมองไม่ดีจึงเสียหลักตกข้างทางชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูงดังกล่าว
ภาพ/ข่าว Ku Salick
กรณีนายพิพัฒน์ ดวงสว่าง อายุ 27 ปี ลูกชายเสี่ยเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ถูกคนร้ายเป็นชายไทยอายุประมาณ 25-30 ปี ใช้ของแข็งทุบศีรษะจนเสียชีวิตที่หน้าห้องหมายเลข 19 บนชั้น 2 ของ “เจ๊ร่วมอพาร์ทเม้นท์” พื้นที่หมู่ 1 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้น พ.ต.อ.อนันต์ ภู่ระหงษ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ สั่งการให้ชุดสืบสวนออกล่าตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องหึงหวงตามที่รายงานไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 11 มิ.ย.59 พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สมพงษ์ ทองใบ รอง ผบก. พ.ต.อ.อนันต์ ภู่ระหงษ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายวัฒนพงษ์ กาวินตุ้ย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 198 หมู่ 4 ต.ท่าแฝก อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่านายพิพัฒน์ ดวงสว่าง พร้อมของกลาง ค้อนตอกตะปู 1 อัน
พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อนันต์ ภู่ระหงษ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ ประชุมตำรวจฝ่ายสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ กระทั่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาจะมารับแฟนสาวที่บริเวณหน้าห้างเฉลิมไทย ต.มะขามหย่ง อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงนำกำลังติดตามไปจับกุมตัวไว้ได้ คุมตัวมาสอบสวนให้การรับสารภาพว่า ปกติตนได้เช่าห้องพักที่เกิดเหตุอยู่กับ น.ส.กาญจนา จุลกิ่ง อายุ 27 ปี แฟนสาว และจะกลับมาห้องสัปดาห์ละครั้งเนื่องจากทำงานเป็นช่างติดตั้งลิฟท์ของบริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมืองชลบุรี กระทั่งวันเกิดเหตุตนกลับมาห้องไม่เห็นแฟนสาวจึงนั่งรอ แต่พอเวลาผ่านไปไม่นานเห็นแฟนสาวขับรถ จยย.กลับเข้ามากับนายพิพัฒน์ กิ๊กหนุ่ม ด้วยความโมโหจึงวิ่งไปหยิบค้อนที่วางอยู่มาทุบหัวนายพิพัฒน์ จนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปจนมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว
ภายหลังการสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(29 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 00.30 น. ร.ต.อ.ปิยะ อุ่นเรือง รอง.สว.สส. (สอบสวน) สภ.ห้วยใหญ่ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์พ่อค้ารถพ่วงข้าง บริเวณหน้าวัดเขาไม้แก้ว ม.1 ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วนำกำลังรีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุถนนทางหลวง 3240 (สาย 36-เขาไม้แก้ว) ตรวจสอบพบชายพิการขาขวาลีบ ทราบชื่อต่อมาคือ นายเอนก กิ่มนอก อายุ 50 ปี อยู่บ้านเดิมเลขที่ 368 ม.7 ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ พ่อค้าขายขนมหวานและแมลงทอด ยืนรอให้การในสภาพตกใจกลัวและน้ำตาคลอเบ้าว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กฏ 7475 ระยอง ซึ่งเป็นรถขายขนมหวานและแมลงทอด เพื่อกลับที่พักหลังจากไปตระเวนขายของตลอดช่วงเย็นที่ผ่านมา พอมาถึงที่เกิดเหตุ ได้มีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อ ลักษณะโหลดเตี้ยแต่งซิ่งสีขาว ล้อแม็กสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับมาปาดหน้า จนรถของตนต้องหักหลบลงข้างทาง
จากนั้นคนร้าย 4 คน ที่นั่งอยู่ท้ายกระบะได้กระโดดลงจากรถ แล้วเดินปรี่เข้ามาหา โดย 1 ใน 4 คนร้ายถือไม้หน้าสามยาวประมาณ 1 ฟุต พูดจาข่มขืน “ถ้าไม่อยากตายก็อยู่เฉยๆ” ซึ่งขณะนั้นยอมรับว่ากลัวมาก จึงได้แต่ก้มหน้า แต่สังเกตเห็นเพียงว่าคนร้าย พยายามรื้อค้นทรัพย์สินภายในรถของตน โดยคนร้ายใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ก็พากันวิ่งขึ้นรถกระบะแล้วพากันหลบหนีไปทันที ส่วนตนตรวจสอบทรัพย์สินพบว่าเงินสดที่ขายของมาตลอดทั้งวันและเงินเก็บสะสม รวมทั้งหมด 6,000 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องซึ่งอยู่ในกระเป๋าสะพาย ถูกคนร้ายเอาไปทั้งกระเป๋า
เบื้องต้นตำรวจได้นำตัวผู้หายไปสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งประสานตำรวจฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และกำชับ ให้ติดตามคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีให้ได้ เพราะถือว่าเป็นบุคคลใจบาป ทำได้แม้กระทั้งคนพิการ โดยสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ตระเวนก่อเหตุหาเงินเที่ยวหรือนำไปซื้อยาเสพติดเสพ อย่างไรก็ตามจะได้เร่งติดตามกลุ่มคนร้านรายนี้มาดำเนินคดีให้โดยเร็วต่อไป
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยา-(28 มี.ค. 59) เมื่อเวลา 00.30 น. ร.ต.ท.บุญหลาย อินเอี่ยม รองสว.สอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์กระบะเสียหลักชนกับรถพ่วง 18 ล้อ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสาย 36 ฝั่งขาเข้าพัทยา ม.10 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ สี่ประตู หมายเลขทะเบียน กล 7466นครราชสีมา เสียหลักชนเข้าช่วงข้างของรถพ่วง หมายเลขทะเบียนส่วนหัว 81-1951ระยอง ส่วนหาง 82-8010 ระยอง แล้วลากมาไกลกว่า100 เมตร ทำให้ตัวรถกระบะอยู่ในสภาพหลังคาเปิดออกตัวรถมุดเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถพ่วงพังยับเยิน
ตรวจสอบภายในรถพบ นายพรศักดิ์ จีนไธสง อายุ 32 ปีชาวจังหวัดบุรีรัมย์ คนขับได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อยู่ในอาการมึนงง ที่เบาะนั่งข้างคนขับพบร่างผู้เสียชีวิตนอนแน่นิ่งจมกองเลือด สภาพใบหน้าเละสยดสยอง ทราบชื่อต่อมาคือ นายสันทัชน์ บัวพรม อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย ทำการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งใช้อุปกรณ์ตัดถ่างงัดนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากตัวรถอย่างยากลำบาก
สอบสวน นายคำฉัน ศิริเรือง อายุ 33 ปี โชเฟอร์รถพ่วง 18 ล้อ เล่าว่าตนเองได้บรรทุกเหล็กจากมาบตาพุด มุ่งหน้าแหลมฉบัง โดยขับชิดเลนซ้ายเนื่องจากรถบรรทุกหนักประมาณ 30 ตัน จึงไม่สามารถใช้ความเร็วได้ เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุก็ได้ยินเสียงดังและรู้สึกคล้ายมีแรงกระแทกจากด้านข้างของตัวพ่วง จึงชะลอความเร็ว เมื่อลงมาตรวจสอบก็พบว่ามีรถกระบะชนเข้ากับข้างพ่วงจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
เบื้องต้น ร.ต.ท.บุญหลาย อินเอี่ยม รองสว.สอบสวน เจ้าของคดีได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งควบคุมตัว นายพรศักดิ์ (คนขับรถกระบะ) ไปสอบปากคำพร้อมทั้งตรวจวัดระดับปริมาณแอลกอฮอ ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้มอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯเก็บรักษายังโรงพยาบาลบางละมุงเพื่อรอญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยา-(27 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.อนันต์ ภู่ระหงษ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายอำนาจ หรือบอล กองฆ้อง อายุ 28 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อกล็อค พร้อมเครื่องกระสุน 39 นัด โทรศัพท์ซัมซุง เตาแก๊ส หม้อหุงข้าว เครื่องใช้ฟ้าอีกหลายรายการ รถยนต์กระบะอีซุซุ รถจักรยานยนต์คาวาซากิ เคเอสอาร์ พร้อมชุดที่ใส่ในการก่อเหตุ
โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนั้นหลังจากได้รับแจ้งคนร้ายเป็นชายไทย 2 คน ลักษณะอ้วน-ผอม ใช้อาวุธก่อเหตุชิงทรัพย์ นางละเอียด เงินท้วม อายุ 51 ปี ที่บ้านเลขที่42 ม.10 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี จนกระทั่งพบรถกระบะคันดังกล่าววิ่งอยู่บนถนนหลวงสาย 36 มุ่งหน้าเข้าตำบลโป่ง ผ่านอ่างเก็บน้ำมาบประชัน และเข้าไปในซอยมาบยายเลีย47
เจ้าหน้าที่จึงติดตามสืบสวนจนทราบเบาะแสของคนร้ายทั้ง 2 คน ก่อนนำกำลังเข้าจับกุม นายอำนาจ ได้ที่บ้านพักเลขที่ 22 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมของกลางบางส่วน ส่วนคนร้ายอีกคนที่มีรูปร่างลักษณะผอม ทราบชื่อคือ นายสัญชัย ประดา อายุ 21 ปี ซึ่งได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก
จากการสอบสวน นายอำนาจ คนร้าย อ้างว่า สาเหตุที่ก่อเหตุเพราะตกงานไม่เงินใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ปักเชื่อคำให้การ พร้อมกับส่งตัวดำเนินคดีในข้อกล่าวหา ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นในเคหะสถาน โดยใช้อาวุธปืน ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น ร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัว นายสัญชัย ผู้ร่วมก่อเหตุมาดำเนินคดีเช่นกัน
พัทยา-(19 ก.พ. 59) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.อนันต์ ภู่ระหงษ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยา ร่วมตรวจสอบเหตุมีผู้เสียชีวิตถูกฆ่าฝังดิน เหตุเกิดในพื้นที่บ้านคอเขา ม.8 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ในที่เกิดเหตุเป็นส่วนที่เลี้ยงไก่ด้านหลังบ้านพบศพ นายมนตรี เสือเล็ก อายุ 45 ปี ถูกฆ่าฝั่งดิน เมื่อขุดนำศพขึ้นมาพบว่า สภาพศพขึ้นอึดเปลือยกายไม่สวมเสื้อผ้า หน้าอกข้างขวามีรูคล้ายถูกกระสุนปืน 1 รู กลางหน้าอกมีร่องรอยการถูกแทงด้วยของมีคมจำนวน 4 แผล
เบื้องต้นได้รับการเปิดจาก พ.ต.อ.อนันต์ ภู่ระหงษ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ ว่า นายมนตรี ผู้ตายถูกหลานชายชื่อ นายพงศธร อยู่แก้ว อายุ 17 ปี ฆ่าตายแล้วนำมาฝั่งดิน ซึ่งก่อเหตุตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.พ.) ซึ่งทางพ่อแม่ของ นายพงศธร นำเข้ามอบตัวหลังทราบว่า นายพงศธรเป็นคนฆ่า จากนั้นจึงนำมาชี้จุดและขุดดินจึงพบศพผู้ตายดังกล่าว
ส่วนสาเหตุนั้นจากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายชอบดุด่า และห้ามออกไปเที่ยว กับห้ามสูบบุหรี่ จึงเกิดบันดาลโทสะเลยลงมือฆ่า นายมนตรี แล้วนำศพไปฝัง เพื่อหลบตาคน
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ ส่วนคนร้ายจะมีกี่คนยังไม่ทราบ ต้องรอสอบสวนปากคำให้ละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
พัทยาอัพเดทนิวส์ นำเสนอ ฉับไว เพื่อสังคม