คลังเก็บหมวดหมู่: อาชญากรรม

2 โจรสุดเหี้ยม ปืนจ่อจี้ชิงทรัพย์เหยื่อฮึดสู้เจอปืนตบสลบ ลั่นไกลยิงซ้ำอาการปางตาย

พัทยา-(4 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 01.30 น. พ.ต.ท.สมคิด เฮียงเสถียร สว.สอบสวน สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกายแล้วชิงทรัพย์ เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าร้านขายของชำติดกับร้านขายวัสดุก่อสร้างร้อยล้าน สาขา 2 บนถนนเส้นพัฒนาการ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บสองราย รายแรกทราบชื่อคือนายนิรุจน์ ศรีหาราช อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธปืนตบเข้าที่ใบหน้าจนปูดบวม อีกรายทราบชื่อคือ น.ส.ธนาพร ทาทอง อายุ 33 ปี อาชีพ รปภ.หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถูกอาวุธปืนยิงเข้าไหปลาร้าด้านซ้าย 1นัด ลูกกระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าทีกู้ภัยฯได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว ตรวจสอบยังพบ น.ส.แพรวพรรณ ระดารงค์ อายุ 25 ปี อยู่ในอาการตกใจยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

น.ส.แพรวพรรณ เล่าว่า ขณะที่ตนเองพี่ชายและพี่สาวรวม 3 คน ขับขี่จยย.จะไปเยี่ยมคนเจ็บจากอุบัติเหตุรถชน จนกระทั่งขับมาจนถึงบริเวณทางเปลี่ยวได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คนขับขี่จยย.มาประกบชักปืนขึ้นข่มขู่ให้จอดรถ พร้อมบังคับให้ส่งทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดให้ แต่นายนิรุจน์ (พี่ชาย) ฮึดสู้หวังปกป้องตนเองและพี่สาว แต่คนร้ายใช้อาวุธปืนตบเข้าที่ใบหน้าจนสลบ ก่อนหันมายิงใส่พี่สาวคือ น.ส.ธนาพร ได้รับบาดเจ็บ แล้วแย่งเอากระเป๋าสะพายภายในมีทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์ มือถือ 2 เครื่องและเงินสดจำนวนหนึ่งไป ก่อนขับขี่จยย.หลบหนีไปตามเส้นทางเส้นพัฒนาการ ตนเองจึงตะโกนขอความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านขายของชำให้แจ้งตำรวจดังกล่าว

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ ได้วิทยุสกัดจับตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้านจะหลบหนีผ่านไปแต่ก็ไร้วี่แวว จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้เสียหายขับมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าคนร้ายน่าจะเป็นร้ายเดิมที่เคยก่อเหตุต่อเนื่องมาแล้ว 3 ครั้ง ในพื้นที่เดียวกันและจะหลบหนีไปตามเส้นทางดังกล่าว อย่างไรก็ตามคาดวาน่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีอย่างเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

หนุ่มซิ่ง จยย.เสยท้ายพ่วง 18 ล้อ ดับอนาถคาที่

พัทยา-(3 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.ท.จันดา เดิมพันธุ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณจุดกลับรถหน้าโรงแรมเวฟอิน ถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าพัทยา ม.8 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ

IMG_6118

ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) อายุประมาณ 18-20 ปี นอนเสียชีวิตจมกองเลือดในสภาพสยดสยองอยู่กลางถนน ตรวจสอบภายในร่างกายไม่พบเอกสารแสดงตัวบุคคล เจ้าหน้าที่จึงใช้ผ้าคลุมกันเป็นที่อุจาดตา พร้อมทั้งกันผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากจุดเกิดเหตุ
ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร พบรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกปุ๋ย หมายเลขทะเบียน 71-2036 ระยอง ของบริษัทอัลฟ่า มารีน ซัพพลายจอดรอให้การกับเจ้าหน้าที่ โดยด้านท้ายรถที่ล้อหลังฝั่งซ้ายพบซากรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีนำเงิน หมายเลขทะเบียน 1กจ 775 นครราชสีมา ติดคาอยู่ในซอกล้อ ได้รับความเสียหายไม่สามารถขับขี่ได้

สอบถาม นายปฏิพัฒน์ ฟักเงิน อายุ 46 ปี คนขับรถพ่วง 18 ล้อเล่าว่าในขณะที่ตนได้ขับมาจากศรีราชามุ่งหน้าไปทางสัตหีบ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่จักรยานยนต์ไล่ติดตามมาด้วยความเร็วจำนวนหลายคันแล้วก็ได้ขับแซงหายไป จนกระทั่งได้มีรถตู้โดยสารขับตามมาประกบให้หยุดรถ บอกว่าด้านท้ายมีซากจักรยานยนต์ติดอยู่ จึงรีบลงมาตรวจสอบแบบงงๆโดยไม่ทราบว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาชนได้อย่างไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ขับตามกันมาอย่างแน่นอน

thumbnail_IMG_6125

ร.ต.ท.จันดา เดิมพันธุ์ รองสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี ได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานก่อนจะประสานตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ และหากผู้ใดเห็นเหตุการณ์หรือมีหลักฐานจากกล้องหน้ารถที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุไว้ได้ สามารถนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นประโยชน์การสรุปคดี ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้มอบให้ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯเก็บรักษายังโรงพยาบาลบางละมุง เพื่อรอญาติมาติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

คนร้ายจ่อยิงหนุ่มนิรนามกระสุนเจาะกลางหน้าผากดับอนาถท่ามกลางสายฝน

พัทยา-(3 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.อัศวิน จันโท รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงกันเสียชีวิต 1 ราย บริเวณหน้าห้องพัก เลขที่ 44/1 ซอยบุญนาค ม.11ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรทิพย์ พาราพันธกุล ผกก. พ.ต.ท.ดรัณภพ สระทองอยู่ รอง ผกก.ปป. พ.ต.ต.ปริญญาวุฒิ คุรุการโกศล สว.สส. นำกำลังชุดสืบสวน แพทย์โรงพยาบาลบางละมุง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าห้องพัก พบศพชายไทย (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) อายุประมาณ 25-30 ปี สวมเสื้อคอกลม สีดำ นุ่งกางเกงขาสั้น สีดำ นอนจมกองเลือด สภาพรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 110 สีแดง-ดำ ทะเบียน จทจ 20 ชลบุรี ล้มทับร่างผู้เสียชีวิต ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก ตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิตมีร่องรอยการถูกอาวุธปืน ไม่ทราบขนาด จำนวน 1 นัด ยิงเข้าที่บริเวณกลางหน้าผาก หัวกระสุนฝังใน

สอบถาม พยานแวดล้อม ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังนอนอยู่ในบ้านพัก จากนั้นได้ยินเสียงคนพูดจาเอะอะโวยวายเสียงดัง ต่อมาไม่นานได้ยินเสียงดังคล้ายประทัด ดังขึ้น 1 นัด เมื่อวิ่งออกมาดูปรากฏว่า พบว่าผู้ตายนอนจมกองเลือด ในสภาพรถจักรยานยนต์ล้มทับร่างผู้ตายอยู่ จึงเข้าไปยกรถขึ้นเพื่อพยายามช่วยเหลือ แต่ตรวจสอบแล้วผู้ตายไม่มีชีพจร จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

ผกก. สภ.บางละมุง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ตายกับเพื่อนชายอีก 2 คน พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าดังกล่าว ภายหลังเกิดเหตุ ปรากฏว่าไร้ร่องรอยของเพื่อนผู้ตาย พบเพียงประตูห้องพักถูกเปิดทิ้งไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างติดตามตัวมาสอบสวน ส่วนประเด็นการสังหารในครั้งนี้ เบื้องต้นยังมืดแปดด้านไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร คงต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักนิด อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการชุดสืบสวนลงพื้นที่คลี่คลายคดีนี้แล้ว

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

หนุ่มวิศวกรโรงงานกระดาษ โดนกะเทยลวนลามแล้วปลดสร้อยพร้อมจี้หลบหนีลอยนวล

พัทยา-(2 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 23.00 น. ร.ต.อ.นครราช นนสีลาด รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดเหตุสาวประเภทสองก่อเหตุปลดสร้อยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าโรงแรมซีซั่น ไฟว์ ตั้งอยู่กลางซอย 5 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานชุดสืบสวน ร่วมกันตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทราบชื่อคือ นายราจู เบนต้า อายุ 50 ปี สัญชาติอินเดีย อาชีพ วิศวกร ควบคุมเครื่องจักรกลโรงงานกระดาษดับเบิ้ลเอ จ.ปราจีนบุรี พร้อมครอบครัวชาติเดียวกัน ประกอบด้วย ภรรยา ลูกสาว และเพื่อนร่วมงาน ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและชี้จุดคนร้ายก่อเหตุ

สอบสวน ผู้เสียหาย ให้การด้วยภาษาไทยว่า หลังจากที่พาครอบครัวพร้อมเพื่อนร่วมงาน ไปดูการแสดงคาบาเร่ต์ ที่โรงละครอัลคาซ่าร์โชว์พัทยา ขณะกำลังจะเดินกลับโรงแรมที่พัก ได้มีกะเทยจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ แบบออโตเมตริก จากนั้นกะเทยทั้ง 2 คน ได้ทำทีเข้ามาโอบกอดลวนลามจุดสำคัญ ก่อนอาศัยจังหวะไม่ทันระวังตัวปลดสร้อยคอทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 1.50 สตางค์ พร้อมจี้ประเทศอินเดีย มูลค่า 35,000 บาท แล้วพากันหลบหนีไป

ทั้งนี้ ผู้เสียหาย ยังได้กล่าวถึงความรู้สึกด้วยอีกว่า ตนเองทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 17 ปี สำหรับเหตุการณ์ในครั้งเกิดขึ้นกับตนเองเป็นครั้งแรก ทำให้ครอบครัว เช่น ภรรยา ลูกสาว หวาดกลัวกับสาวประเภทสองผู้ก่อเหตุเป็นอย่างมาก จึงอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ไวที่สุด

ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี เพื่อเป็นเบาะแสในการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

2 คนร้ายขี่จยย.ประกบ 2 แม่บ้านสาว ชักปืนจี้ชิงทรัพย์ หลบหนีลอยนวล

2 แม่บ้านสาวขับจยย.กลับที่พัก ผ่านทางเปลี่ยว เห็นจยย.ตามมาคิดอุ่นใจมีเพื่อนรวมทาง สุดท้ายถูก 2 โจร วัยรุ่นชักปืนจ่อ บังคับชิงทรัพย์ก่อนฉกกุญแจรถหลบหนี ทิ้ง 2 แม่บ้านนั่งอยู่ที่มืดริมถนน

พัทยา-(27 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 00.10 พ.ต.ท.วุฒิพงษ์ สมใจ รองผกก.ป.สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุจี้ชิงทรัพย์ เหตุเกิดบริเวณปากซอยชัยพรวิถี 25 ม.2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเขตและเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสารุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุริมถนนชัยพรวิถีพบ 2 แม่บ้านสาวทราบชื่อคือน.ส.จีระนัย เรืองรุ่ง อายุ 33 ปี และน.ส.อัฒชฎาพร รักงาน อายุ 35 ปี อยู่ในอาการตกใจและหวาดผวายืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกคนร้ายสองคนเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 18-20 ปี ใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้หยุดรถก่อนชิงเอากระเป๋าสะพายภายในมีเงินสดจำนวน 2000 บาทและโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุงจำนวน 1 เครื่อง แล้วซิ่งจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้าไปตามถนนชัยพรวิถีมุ่งหน้าฟาร์มจระเข้ เจ้าหน้าที่จึงวิทยุสกัดจับตามจุดต่างๆที่คาดว่าคนร้ายน่าจะหลบหนีผ่านไปแต่ก็ยังไร้ร่องรอย

โดยน.ส.น.ส.จีระนัย (เจ้าของทรัพย์สิน) เล่าอีกว่าก่อนเกิดเหตุตนเองทั้งสองได้ขับขี่จักรยานยนต์ มุ่งหน้ากลับที่พัก ได้สังเกตเหตุว่ามีรถจักรยานยนต์ขับขี่ตามมา ตนเองไม่คิดว่าจะมีเหตุร้าย กลับคิดว่าอุ่นใจด้วยซ้ำที่มีเพื่อนร่วมทาง หากเกิดเหตุร้ายจะได้ขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเพื่อนร่วมทางขับขี่เข้ามาประกบ พร้อมชักปืนจ่อมาทางตนทั้งสองสั่งให้หยุดรถแล้วบังคับเอาทรัพย์สิน ด้วยความกลัวจึงรีบส่งให้ ก่อนหนึ่งในคนร้ายจะดึงกุญแจรถจักรยานยนต์ของตนติดมือไปด้วย ปล่อยทิ้งให้ตนทั้งสองอยู่ในความมืดข้างทาง หลังเกิดเหตุจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

เบื้องต้นพ.ต.ท.วุฒิพงษ์ สมใจ รองผกก.ป.สภ.หนองปรือ ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้าย พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุและตามถนนทุกเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายอาจจะหลบหนีผ่านไป เชื่อว่าน่าจะได้เบาะแสนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร็วที่สุด

ภาพ/ข่าว Ku Salick

สาวพัทยามีปากเสียงกับแฟนหนุ่ม เดินเข้าห้องน้ำคว้าน้ำยาล้างห้องน้ำ กระดกซดประชดแฟนหนุ่ม

พัทยา-(27 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 09.00 น. ศูนย์วิทยุมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ เมืองพัทยา ได้รับแจ้งมีหญิงไทยกินน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตาย ที่ด้านหน้า ตึก B ภายในคอนโดแห่งหนึ่ง ภายในซอยอรุโณทัย พัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งได้ประสานรถพยาบาล 02 รุดตรวจสอบและทำการช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุพบ น.ส.กนกวรรณ พลายบัว อายุ 28 ปี อยู่ในอาการนอนดิ้นทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก อยู่ที่พื้น เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ จึงได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายส่งเข้าไปทำการรักษา ที่โรงพยาบาล

image

สอบถามแฟนหนุ่ม (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ของ น.ส.กนกวรรณ ได้เล่าว่าเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา น.ส.กนกวรรณ ได้ออกไปเที่ยวดื่มสุรา กับเพื่อนๆ ยันเช้า จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ กระทั่วช่วงเวลา 08.00 น. น.ส.กนกวรรณ ได้กลับเข้ามาที่ห้องพักด้วยอาการเมามาย ด้วยความหึงหวงจึงได้สอบถาม ก่อนที่จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันขึ้น

จากนั้น น.ส.กนกวรรณ จึงได้เข้าไปในห้องน้ำ แล้วคว้าน้ำยาล้างห้องน้ำมากระดก ประชดต่อหน้า จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ เข้ามาทำการช่วเหลือเพื่อให้แพทย์ทำการล้างท้อง เยื้อชีวิต เอาไว้ได้ทันดังกล่าว

ภาพ/ข่าว อั๋น พัทยา

ตร.พัทยาแถลงข่าวจับผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดอาวุธปืน

image

พัทยา-(26 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมกำลังตำรวจ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเอเย่นต์ค้ายาเสพติด และคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน ได้ผู้ต้องหารวม 4 คน ประกอบด้วย นายสุนทร สีฉิม อายุ 35 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์จำนวน 5 ถุง น้ำหนักรวม 1.98 กรัม และยาบ้า 9 เม็ด ,นายสุนทร รักษาเถื่อน อายุ 34 ปี ของกลางยาไอซ์ 4 ถุงน้ำหนักรวม 2.89 กรัม ,นายสราวุธ หรือเต๋า สี่สิงห์ อายุ 27 ปี ของกลางอาวุธปืนพกสั้นขนาด 7.65 มม. จำนวน 1 กระบอก และ 4.น.ส.ยุพวัน ยอดประทุม อายุ 34 ปี ของกลางยาไอซ์น้ำหนัก 0.30 กรัม โดยรายสุดท้ายได้ส่งตัวฟ้องศาลไปก่อนหน้านี้แล้ว

image

พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า ในส่วนของนายสราวุธ หรือเต๋า สี่สิงห์ ก่อนหน้านี้เคยถูกจับในคดีใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่คู่อริในซอยสุขุมวิท-พัทยา 60 ย่านพัทยาใต้ มาแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการประกันตัวออกไปสู้คดี กระทั่งเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ นายสราวุธ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อขู่แฟนสาวชื่อ น.ส.บัณฑิตา ชาวดง อายุ 20 ปี เหตุเกิดที่ห้องพัก ภายในซอยกอไผ่ พัทยาใต้ ก่อนหลบหนีไป แต่ต่อมาก็ถูกตำรวจชุดสืบสวนตามจับได้ขณะหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเลขที่ 39 ถนนเทพประสิทธิ์ ซอย 5 ย่านจอมเทียน ก่อนคุมตัวมาสอบสวนและให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่แฟนสาวของตัวเองจริง และยังเสพยาบ้ามาอีกด้วย

image

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการจับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายยาเสพติดและอาวุธปืนในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป และหาวิธีป้องกันอาชญากรรมต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากเมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก การปกป้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวโลกต่อไป

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

สาวอุบลโร่แจ้งความ หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.บุกจับแล้วรีดทรัพย์ ทั้งพาไปขืนใจ

พัทยา-(22 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าตัวเองถูกกลุ่มตำรวจนอกรีตโรงพักแห่งหนึ่งทำการจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด แล้วทำการลักทรัพย์ , ข่มขู่รีดไถเงินเพื่อแลกอิสรภาพ และพาไปข่มขืนกระทำชำเรา กำลังจะเดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นจึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

ภายในห้องสอบสวนบนชั้น 2 พบ พ.ต.ท.ออมสิน สุขการค้า หัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา กับ ร.ต.อ.สิระภูเดชน์ ชำนาญกิจ รองสารวัตร (สอบสวน) เจ้าของคดี กำลังสอบปากคำ น.ส.อ้อ (นามสมมุติ) (น.ส.เพชรมณี ดวงแสง หรือแอน) อายุ 33 ปี ชาว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.อุบลราชธานี ก่อนที่ผู้เสียหายจะออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นหมอนวดแผนไทยอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ภายหลังถูกทางการเกาหลีใต้จับกุมในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย ก่อนถูกเนรเทศกลับประเทศไทย และเพิ่งมาขอพักอาศัยอยู่กับเพื่อนชื่อ น.ส.วรรณนิภา หรือบิว เข้มแข็ง ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในซอยเฉลิมพระเกียรติ 9 ย่านพัทยาเหนือ และเพื่อรอเวลาหางานใหม่

กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนนั่งกินข้าวอยู่กับ น.ส.วรรณนิภา หรือบิว และ น.ส.ฟาง (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) เพื่อนของ น.ส.วรรณนิภา ซึ่งรู้จักกันแค่เพียงผิวเผิน จู่ๆ มีชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน และเด็กชายอายุประมาณ 5 ขวบ 1 คน ใช้กุญแจไขประตูเปิดเข้ามาในห้อง พร้อมกับอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาจอมเทียน ทราบชื่อภายหลังคือ นายอึ่ง ซึ่งอ้างตัวเป็นหัวหน้าชุด , นายเอ , นายโรจน์ และหนึ่งในนั้นมีตำรวจยศ “ด.ต.” รวมอยู่ด้วย จากนั้นทั้งหมดได้ทำการค้นห้องพัก ก่อนฉวยเอาพระเครื่องของตนรวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ ไปเป็นของตัวเองโดยอ้างว่าจะเก็บไว้ให้ ซึ่งจากการตรวจค้นพบยาไอซ์จำนวน 40 กรัม อยู่ในตัว น.ส.วรรณนิภา หรือบิว ส่วนตนเองก็ยอมรับว่าเสพยาจริง ทางตำรวจจึงนำตัวไปที่ สภ.นาจอมเทียน ก่อนพาไปกักตัวที่ห้องทำงาน และยังไม่ถูกนำตัวเข้าห้องควบคุม

ต่อมาวันที่ 9 มิ.ย. น.ส.วรรณนิภา หรือบิว มาบอกว่า ตำรวจให้หาเงินมาจำนวน 5,000 บาท เพื่อจะใช้ล่อซื้อยาเสพติด ถ้าหามาไม่ได้ตำรวจก็จะไม่ปล่อยตัว ตนจึงโทรศัพท์ไปยืมพี่ชายซึ่งเป็นตำรวจที่กรุงเทพฯ และได้เงินมาจำนวน 2,000 บาท รวมกับเงินสดในบัญชีธนาคารของตนอีก 1,500 บาท เป็นเงินทั้งหมด 3,500 บาท เลยต่อรองว่ามีเงินเพียงเท่านี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงให้ตนโอนเข้าบัญชีของ น.ส.วรรณนิภา และไม่ทราบว่าเพื่อนสาวเอาเงินไปล่อซื้อยาเสพติดตามที่บอกหรือไม่ กระทั่งกลางดึกวันที่ 10 มิ.ย. ชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจชื่อต้น (ไม่ทราบยศ) และเข้าเวรห้องควบคุมอยู่ในขณะนั้น ได้เรียกตนออกมาจากห้องขัง ซึ่งในขณะนั้นมีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันถูกคุมขังอยู่รวม 7 คน ก่อนพาไปนอนยังห้องๆ หนึ่งบนสถานีตำรวจ พร้อมกับบอกว่าจะทำเครื่องหมายฝากไว้เพื่อไม่ให้ใครมายุ่ง จากนั้นจึงใช้ปากดูดลำคอของตนจนเป็นรอยจ้ำ และพยายามจะปลุกปล้ำขืนใจ แต่ตนอ้างว่ามีประจำเดือน นายต้น จึงผละออกไปและนำตนกลับไปยังห้องควบคุมเหมือนเดิม

ถัดไปเพียงวันเดียว น.ส.วรรณนิภา หรือบิว มาบอกให้ตนหาเงินมาอีก 15,000 บาท เพื่อใช้ล่อซื้อยาอีกครั้ง และครั้งนี้หากหาเงินมาได้ตำรวจก็จะปล่อยตัว ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงโทรศัพท์ไปหาพี่สาวที่ต่างจังหวัดเพื่อขอความช่วยเหลือ พี่สาวจึงเอาสร้อยคอทองคำไปจำนำแล้วส่งเงินมาให้ ก่อนที่ตนโอนเข้าบัญชี น.ส.วรรณนิภา หรือบิว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการปล่อยตัว และในคืนวันเดียวกันนั้นนายต้น ที่เข้าเวรหน้าห้องควบคุม ได้เรียกตนออกมาจากห้องขังอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่าจะพาไปขับรถเที่ยวเพื่อให้หายเครียด แต่ภายหลังกลับพาตนขับรถเข้าไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่กำลังก่อสร้าง ตั้งอยู่หลังลุมพินีคอนโดมิเนียม ถนนจอมเทียนสาย 2 ย่านชายหาดจอมเทียน ซึ่งเป็นที่เปลี่ยว ก่อนพยายามปลุกปล้ำขืนใจ แต่ตนมีประจำเดือนประกอบกับอวัยวะเพศของนายต้น ไม่แข็งตัว ทำให้ไม่สำเร็จความใคร่ ก่อนที่จะพาตนกลับไปคุมขังตามเดิม

จนเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เวลาประมาณ 10.00 น. พี่ชายซึ่งเป็นตำรวจอยู่โรงพักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้เดินทางมาเยี่ยมตนพร้อมกับสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะไปเจรจากับนายอึ่ง ที่อ้างตัวเป็นหัวหน้าชุดจับกุม นายอึ่ง จึงยื่นข้อเสนอให้หาเงินมาจำนวน 100,000 บาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ แต่พี่ชายหาเงินมาได้เพียง 60,000 บาท เลยทำการต่อรองจนนายอึ่ง ยินยอม จากนั้นมีชายไทยชื่อ นายหวัง มารับเงินจำนวนดังกล่าว แต่ภายหลังนายอึ่ง กลับบอกว่าตนเองจะต้องถูกดำเนินคดีพนันฟุตบอล หากไม่อยากถูกดำเนินคดีก็ต้องจ่ายเงินอีก ตนเลยบอกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเหลืออยู่แค่ 3,000 บาท ทางนายอึ่ง ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนยึดเงินจำนวนดังกล่าวของตนไป แล้วปล่อยตัวออกมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน

ภายหลังตนได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาญาติๆ และคิดว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับไปตรวจร่างกายที่ รพ.บางละมุง และ รพ.เมืองพัทยา ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าถูกข่มขืนกระทำชำเรา (ตรวจร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์) จากนั้นจึงเดินทางเข้าร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี , กระทรวงยุติธรรม และจเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความช่วยเหลือและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

ด้าน ร.ต.อ.สิระภูเดชน์ ชำนาญกิจ รองสารวัตร (สอบสวน) เจ้าของคดี เผยว่า เบื้องต้นได้ประสานไปยังตำรวจชุดสืบสวนเพื่อให้ตรวจสอบกล้องจรปิดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ พร้อมกับรวบรวมพยาน-หลักฐานส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยืนยันว่าจะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่าผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

ตร.บางละมุง จับ 4 หนุ่ม-สาว เอเย่นต์ค้านรกรายใหญ่เมืองชลบุรี ยึดทรัพย์-ของกลาง เพียบ

พัทยา-(22 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 23.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องสืบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี พ.ต.อ.จักรทิพย์ พาราพันธกุล ผกก. พ.ต.ท.ดรัณภพ สระทองอยู่ รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.อภิชนัน วัฒนวรางกูล รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ปริญญาวุฒิ คุรุการโกศล สว.สส. พร้อมกำลังชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหาเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี

ประกอบด้วย นายนัธพร สมบูรณ์สิทธิ์ อายุ 31 ปี นายกฤติธฤต แก้วศรีสกุล อายุ 28 ปี นายชูชีพ ชัยศิริ อายุ 31 ปี และน.ส.ยุวะดี อินอุดม อายุ 31 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 6,071 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนักรวม 188 กรัม ยาอี 134 เม็ด ยาเค 29 ขวด อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 ยี่ห้อ โคลท์ 1 กระบอก อาวุธปืนยาวลูกกรด ขนาด .22 พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และอายัดทรัพย์เป็นรถยนต์เก๋งจำนวน 2 คัน มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท

พ.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า ตำรวจได้สืบทราบว่านายนัธพร มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ต่อมาตำรวจสืบสวนหาข่าวจนแน่ใจว่านายนัธพร ขับรถเก๋งกำลังจะนำยาเสพติดมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ชุมชนบ้านโรงโป๊ะ ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น ปรากฏว่าพบยาบ้าจำนวน 5,000 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 136 กรัม ยาเค 11 ขวด และอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก

จากการสอบสวน นายนัธพร รับสารภาพว่าซื้อยาเสพติดดังกล่าวมาจากกฤติธฤต ตำรวจจึงขยายผลไปจับกุมตัวนายกฤติธฤต พร้อมพวกที่เหลือไว้ได้ภายในห้องพักรีสอร์ทหรูแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.หนองปลาไหล ขณะกำลังมั่วสุมยาเสพติดกันอย่างสนุกสนาน พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 1,071 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนักรวม 52กรัม ยาเค 18 ขวด ยาอี 134 เม็ด และอาวุธปืนยาว 1 กระบอก นอกจากนี้ยังตรวจยึดทรัพย์สินตาม พรบ.ยาเสพติด เป็นรถยนต์เก๋งจำนวน 2 คัน

สำหรับตัวนายนัธพร และนายกฤติธฤต เป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเครือข่ายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นสายบันเทิงที่ชอบใช้ยาเสพติดไปปาร์ตี้มั่วสุมยาเสพติดตามรีสอร์ทและสถานบันเทิงในพื้นที่เมืองพัทยา โดยตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาแล้วหลายครั้งและเพิ่งจะพ้นโทษออกมาไม่นาน โดยไม่รู้สึกเข็ดหลาบหันเหกลับมาค้ายาเสพติดอีกครั้ง แต่ไม่รอดถูกตำรวจจับได้ในที่สุด

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

สลด! สาวพัทยา ขับ จยย. ถูกรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว ชนล้มก่อนเหยียบหัวดับสยอง

พัทยา-(22 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 08.00น. ร.ต.อ.นิวัฒน์ เพ็งเคน รอง สว.สส. สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ เมืองพัทยา รุดตรวจสอบบริเวณปากทางเบี่ยงบนถนนสุขุมวิท ปากทางพัทยาใต้ ม.10 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกัน มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย

image

ที่เกิดเหตุพบ นางสาวรัตนา ยิญศรี อายุ 30 ปี นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 สีขาว หมายเลขทะเบียน งทต-833 จังหวัดชลบุรี ล้มคว่ำได้รับความเสียหายอยู่ใกล้ศพ ห่างออกไปอีกเล็กน้อย พบรถยี่ห้อโฟคสวาเก้น 4 ล้อ สีเหลือง ของบริษัทย์อีสเทิลปิ้ง THAiLAND 01 หมายเลขทะเบียน 15-4809 ซึ่งมี นายอนุภาพ เลิศสุวัฒน์การ อายุ 51 ปี เป็นผู้ขับขี่ จอดอยู่ข้างไหล่ทาง โดยมีร่องรอยของการถูกเฉี่ยวชนที่ด้านซ้ายของตัวรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายรูปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

image

สอบสวนนายอนุภาพ ให้การว่า ตนเป็นพนักงานขับรถของ บริษัทย์ อีสเทิลปิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย์รับส่งนักท่องเทียวชาวอิหร่าน ก่อนเกิดเหตุได้ออกมาจากบริษัทย์ที่นาจอมเทียน กำลังจะไปเติมแก๊ส ที่ปั้มรุ่งเรือง ย่านกระทิงลาย แต่ระหว่างได้ขับขี่มาทางตรงบนถนนสุขุมวิท มาถึงจุดเกิดเหตุ นางสาวรัตนา ผู้ตาย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวออกมาจากทางเบี่ยงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันระวัง ซึ่งตนก็มองไม่เห็นจึงหยุดรถไม่ทัน ก่อนถูกรถของตนเฉี่ยวชน จนดับคาที่ดังกล่าว

image

ภาพ/ข่าว อั๋น ดูลัน