คลังเก็บหมวดหมู่: อาชญากรรม

โจรบุกเดี่ยวชักปืนยิงจี้พนักงาน บ.แซมโก้ ชิงถุงเงิน 8.8 ล้าน หนีลอยนวล

พัทยา-(6 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์รถขนเงินของบริษัท สยามแอดมินนิสเทรทีฟ แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ แซมโก้ เหตุเกิดบริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพัทยาใต้ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนนำกำลังตำรวจรุดไปตรวจสอบ

143390

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าห้าง พบนายเมธากร สุภดี อายุ 26 ปี กับนายจีรศักดิ์ สีลาดเลา อายุ 28 ปี สองพนักงานประจำรถขนเงิน ยืนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ข้างรถขนเงิน ยี่ห้อนิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ สีขาว ทะเบียน ฒน-3727 กทม. สภาพมีอาการตื่นตระหนก ตรวจสอบท้ายรถพบรูกระสุนปืน 1 รู และเจอหัวกระสุนตกอยู่หน้ารถ 2 หัว

248513

สอบสวนนายเมธากร จะให้การว่า ก่อนเกิดเหตุหลังจากที่เดินทางมารับเงินปิดบัญชีรายวันจากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีพัทยาใต้ เพื่อไปเก็บไว้ที่สำนักงานใหญ่ย่านพัทยากลาง ระหว่างที่ตนกับนายจีรศักดิ์ กำลังช่วยกันหิ้วถุงบรรจุเงินสดจำนวน 8.8 ล้านบาท เพื่อนำไปขึ้นรถ

248517

จากนั้นมีคนร้ายเป็นชายไทย รูปร่างผอมสูง สวมหมวกกันน็อคแดง ใส่เสื้อวอร์มแขนยาว สีดำแถบฟ้า สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีเขียวทับ นุ่งกางเกงขายาวสีน้ำเงิน มีแม๊สสีขาวคาดปาก ขับขี่รถ จยย. ออโตเมติก สีขาว ไม่ทราบทะเบียน มาจอดห่างจากรถขนเงิน ประมาณ 10 เมตร ก่อนที่คนร้ายจะชักอาวุธปืนขนาด 9 มม. ออกมายิงขึ้นฟ้า 1 นัด พร้อมกัยตรงเข้าไปแย่งถุงใส่เงินจากพนักงาน ก่อนที่จะยิงใส่ท้ายรถอีก 1 นัดเพื่อเบิกทาง แล้วขับรถ จยย.หลบหนีขึ้นถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปทาง จ.ชลบุรี

248512

ล่าสุดทาง พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้สั่งการให้ตำรวจไล่ล่าคนร้ายแต่ยังไร้วี่แวว

248519

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ระทึก! แท็กซี่จอดปั้มเติมน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ จู่ๆ เกิดไฟลุก เด็กปั้มช่วยดับวุ่น

พัทยา-(5 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 19.30 น. ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุเพลิงรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในปั้มน้ำมัน พี.ที. สาขาซอยเนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองหนองปรือนำรถดับเพลิง ทำการช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุภายในปั้มดังกล่าว พบรถแท็กซี่ บริษัท สหกรณ์ปทุมวันแท็กซี่ จำกัด ยี่ห้อ โตโยต้า สีชมพู ทะเบียน ทล-4655 กทม. สภาพห้องเครื่องยนต์ถูกไฟไหม้ความเสียหายเล็กน้อย ซึ่งมี นายโอ๋ อายุ 29 ปี พนักงานปั้มเข้ามาช่วยเหลือใช้ถังสารเคมีฉีดสกัดดับเพลิงก่อนหน้าเจ้าหน้าที่จะมาถึง

สอบถาม นายชัยยะ สุขสมัย อายุ 65 ปี โชเฟอร์แท็กซี่คันเกิดเหตุ เล่าว่า ก่อนเหตุตนได้มาส่งผู้โดยสารภายในซอยดังกล่าว และระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพ ตนรู้สึกว่า พวงมาลัยรถหนักผิดปกติ คล้ายน้ำมันเพาว์เวอร์หมด จึงจอดรถในปั้ม และเปิดฝากระโปรงเครื่องยนต์ตรวจสอบจึงพบว่าน้ำมันเพาเวอร์หมดจริงๆ จึงซื้อน้ำมันเพาว์เวอร์ที่ขายภายในปั้มมาเติมตามปกติ ซึ่งขณะกำลังเติมอยู่นั้น จู่ๆ ก็เกิดเปลวไฟลุกไหม้บริเวณถ้วยเติมน้ำมันเพาเวอร์ และลุกลามตามสายต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ โชคดีที่ขณะนั้นมีพนักงานปั้มน้ำมันอยู่ด้วย จึงรีบไปหยิบถังสารเคมีมาฉีดสกัดและสามารถดับเพลิงได้สำเร็จ ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ภาพ/ข่าว Ku Salick

โจ๋แต่งตัวคล้ายฮิพฮอพ ยืมไฟแช็ค ผจก.ผับดังริมหาดพัทยา ช่วงเผลอคว้ามือถือวิ่งหนี

พัทยา-(5 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 04.30 น. ร.ต.อ.สมบัติ แก้วมูลมุข รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลักทรัพย์นักท่องเที่ยว เหตุเกิดบริเวณริมชายหาดเมืองพัทยา ตรงข้ามหน้าร้านฮู๊ดเตอร์ ผับ แอนด์ เรสเตอรองท์ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียหายทราบชื่อคือนายวิน เพาไว อายุ 32 ปี สัญชาติยูเครน ผู้จัดการฮู๊ดเตอร์ ผับ แอนด์ เรสเตอรองท์ พร้อมแฟนสาวชาติเดียวกัน ยืนรอให้การเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หลังจากปิดร้านก็ได้เดินข้ามมานั่งดื่มกินกันบริเวณชายหาดเมืองพัทยา เพื่อสร้างบรรยากาศกินลมชมวิวกับแฟนสาว

จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น อายุประมาณ 18-25 ปี แต่งกาย ใส่เสื้อสีแดง สวมกางเกงขาสั้น สวมหมวกแก็ป คล้ายแต่งกายสไตล์ฮิปฮอป ทำทีเข้ามาขอยืมไฟแช็ค ก่อนจะอาศัยช่วงเผลอคว้าเอาโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง E7 ราคา 12,000 บาท ที่วางอยู่ข้างกายแล้ววิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ภายหลังจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนประสานงานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้ายในการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ไกด์ทัวร์จีน ถูกสาวพัทยาแชทเฟสบุ๊คนัดเจอ ก่อนฉกเงินกว่า 40,000 บาท หนีลอยนวล

พัทยา-(5 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 02.00 น. นายสัตตะ บุตรสาลี อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ ประกอบอาชีพไกด์ทัวร์นักท่องเที่ยวชาวจีน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สมบัติ แก้วมูลมุข รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่าถูกสาวรู้จักกันทางเฟสบุ๊ค ก่อเหตุลักขโมยเงินกว่า 40,000 บาท แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดขึ้นที่ ห้องพักของโรงแรมสเปลนดิด รีสอร์ท แอด จอมเทียน ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

IMG_2668

โดย นายสัตตะ ผู้เสียหาย ระบุว่า ผู้ก่อเหตุเป็นสาวที่รู้จักกันทางเฟสบุ๊ค ตลอดระยะเวลาที่คุยกันเดือนกว่า ผู้ก่อเหตุได้สัญญาและให้ความหวังหากมาทำงานพายังเมืองพัทยาจะเดินทางไปหาถึงที่ จนกระทั่งคืนนี้ได้พาลูกทัวร์ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวยังเมืองพัทยา เลยทักแชทพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ แล้วตกลงนัดหมายกันมาหาห้องพักโรงแรมเกิดเหตุ ระหว่างทีอยู่ในห้องพักด้วยกัน ผู้ก่อเหตุได้ออกอุบายให้ไปอาบน้ำล้างตัว เพื่อจะร่วมหลับนอน

จากนั้นรู้สึกเอะใจเลยเปิดประตูห้องน้ำออกมาดู ปรากฏว่าพบผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการลุกลนผิดปกติ จากนั้นผู้ก่อเหตุได้พูดหลอกด้วยอีกว่า “หิวมากจะลงไปซื้อของกินที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นนะ” ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องพักไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความสงสัยเลยวิ่งตามไปแต่ไม่ทัน เนื่องจากมีวินรถจักรยานยนต์รับจ้างมารับพาผู้ก่อเหตุซ้อนท้ายหลบหนีไป ซึ่งเชื่อว่าเป็นแฟนหนุ่มของผู้ก่อเหตุ

เมื่อขึ้นไปตรวจสอบทรัพย์สินในห้องปรากฏว่า เงินสดจำนวนประมาณ 20,000 บาท และเงินสกุลต่างประเทศราว 3,000 หยวน ซึ่งซุกซ่อนอยู่กระเป๋าเป้สีดำและมีแม่กุญแจล็อคเอาไว้ด้วยสูญหายไป โดยถือว่าโชคดีที่ผู้ก่อเหตุเอาไปแค่บางส่วน ทั้งนี้ เงินสดที่อยู่ในกระเป๋ามีทั้งหมดร่วม 200,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ต้องเตรียมแลกกับลูกทัวร์ระหว่างท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุรู้ตัวว่าถูกก่อเหตุจึงเดินทางเข้าแจ้งความดังกล่าว

95217

ภายหลังจากการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุร่วมกับตำรวจฝ่ายสืบสวน เพื่อดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุหลบหนี ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพอทราบข้อมูลผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

สาวบุรีรัมย์ คว้าเชือกผูกคอลาโลก สามีเห็นภาพสุดเศร้า

เฒ่าเมืองเบียร์ สงสัยแฟนสาวไม่ยอมเข้าห้องนอน ตระโกนเรียกไม่ตอบเอะใจตามหาทั่วบ้าน ก่อนมาพบใช้เชือกผูกคอตายลาโลกโดยไม่ทราบสาเหตุ

พัทยา-(4 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.ท.วัฒนา ประดิษฐ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุคนผูกคอตายในบ้านพัก เลขที่ 277/34 ตั้งอยู่ในซอย 16/2 นาเกลือ ม.5ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านพักชั้นเดียว เนื้อที่ประมาณ 40 ตารางวา ตรวจสอบภายในห้องน้ำ พบศพนางอินทร์ เก็บฮาร์ด อายุ 39 ปี บ้านเดิมเลขที่ 33 ม.13 ต.จรเข้น้อย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ใช้เชือกผ้าลักษณะคล้ายสายกระเป๋าสะพาย ผูกคอกับราวเหล็กแขวนผ้า สภาพศพสวมเสื้อสีม่วงลายดอก กางเกงขาสั้นสีดำ

ทั้งนี้ แพทย์ชันสูตรเบื้องต้นพบว่าขาดอากาศหายใจ และเสียชีวิตมาประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย บริเวณจุดเกิดเหตุพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตายตกอยู่ 1 เครื่อง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยมีนายแฟรงค์ เก็บฮาร์ด อายุ 61 ปี สามี ชาวเยอรมัน ซึ่งพิการขาต้องนั่งอยู่บนรถเข็นวิลแชร์ โศกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สอบสวน สามีผู้ตาย ให้การว่า ได้คบหากับผู้ตายมานานกว่า 4 ปี โดยจดทะเบียนสมรสกันถูกต้อง ซึ่งผู้ตายมีลูกติดและเรียนอยู่ต่างจังหวัด 2 คน ปกติผู้ตายวันๆก็มีหน้าที่ดูแลตนเองที่พิการ โดยก่อนตายก็ไม่ได้บ่นอะไรให้ฟัง ซึ่งก่อนเกิดเหตุกำลังนอนอยู่ในห้องพักคนเดียว ส่วนผู้ตายก็หายเงียบไป

จากนั้นได้ตระโกนเรียกผู้ตายให้มานอนด้วยกันภายในห้องพัก แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ตาย เลยเอะใจเข็นรถวิลแชร์ตามหาทั่วบ้าน จนกระทั่งพบว่าผู้ตายเครียดไม่ทราบสาเหตุใด ใช้เชือกผูกแขวนคอในห้องน้ำ หลังจากนั้นจึงได้ใช้กรรไกตัดเชือกแล้วเรียกรถพยาบาลมาช่วยเหลือ แต่ไม่ทันการผู้ตายได้เสียชีวิตลงแล้ว

ภายหลังจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำโทรศัพท์มือถือผู้ตายไปตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุแรงจูงใจในการผูกคอฆ่าตัวตายแบบนี้ ส่วนสามีผู้ตาย ซึ่งอยู่ในอาการวิตกกังวลเกรงว่าอาจจะฆ่าตัวตายตาม จึงขอความร่วมมือเพื่อนบ้านมาช่วยดูแลในเบื้องต้น

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ตร.พัทยา รวบหนุ่มคีร์กีซสถาน ย่องเบาลักทรัพย์ ตามคอนโด ก่อเหตุนับไม่ถ้วน

พัทยา-(4 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา, พ.ต.ท.ปวัชร์ชัย สุดสคร รอง ผกก.ป. ร่วมแถลงข่าวจับกุม MR.HUSEIN KOBOEL อายุ 34 ปี สัญชาติคีร์กีซสถาน พร้อมของกลาง รถจักยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KSR สีขาว หมายเลขเครื่อง JKAKL 110 CEA09811 จำนวน 1 คัน และเสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยมี นายสัญญา พันน้อย อายุ 25 ปี เจ้าของรถยืนยันชี้ตัว

สืบเนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ จำนวนมาก ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามการโจรกรรมรถ ร่วมกับ ชุด ป.พิเศษ สภ.เมืองพัทยา ออกสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ต่อมาวันที่ 3 เมษายน 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ พบรถจักยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KSR สีขาว จอดไว้ที่บริเวณกลางซอยพัทยาปาร์ค หมู่ที่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงตามรถแจ้งหายไว้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 จึงได้เข้าไปทำการตรวจสอบพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์คันที่แจ้งหายไว้จริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จัดกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้เคียง ต่อมาพบ MR.HUSEIN KOBOEL อยู่บริเวณใกล้เคียงรถคันดังกล่าว ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณ ตรงกับคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ โดยกล้องวงจรปิดของทางอพาร์ทเม้นสามารถบันทึกไว้ได้ จึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำ

S__22306830

สอบสวน MR.HUSEIN รับสารภาว่า ได้ก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจริง และจากการสืบสวนขยายผลยังพบว่า MR.HUSEIN ยังได้ก่อเหตุลักทรัพย์ ภายในสำนักงานนิติบุคคล ของคอนโดรอยัล บีช คอนโดเทล เลขที่ 375 ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อีกคดีหนึ่ง ซึ่งจากการก่อเหตุในครั้งนี้ได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ

จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ต้องหาได้เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาแล้ว จำนวน 2 ปี ไม่มีอาชีพและที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง และอาศัยการก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อยเลี้ยงชีพ โดยมักจะก่อเหตุลักทรัพย์ ใต้เบาะ จักรยานยนต์ ที่จอดอยู่ตามลานจอดรถของหอพัก คอนโด หลังจากที่ได้ทรัพย์สินมาจะนำจำหน่าย นำเงินมาเสพยาเสพติด และเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่พัทยา

S__22306831

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน (รถจักรยานยนต์), ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

คนร้ายย่องงัดรถขนเงินธนาคารกสิกรไทย แต่คว้าน้ำเหลวกลับบ้านมือเปล่า

พัทยา-(1 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 00.10 น. ร.ต.อ.อนุพงษ์ พวงพี่ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งจากนายไพรัช ดิษฐ์ด้วงปล้อง ว่ารถขนเงินของธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขุมวิท-นาเกลือ ถูกคนร้ายงัดที่ประตูด้านท้าย เหตุเกิดที่ ถนนสุขุมวิท ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบกลุ่มพนักงานขับรถขนเงินยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ โดยรถคันเกิดเหตุยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ ทะเบียน 1 ฒข 6572 กทม ของบริษัทโพรเกรส กันภัย จำกัด เป็นรถขนส่งเงินของธนาคารกสิกรไทย ที่ประตูด้านท้ายมีร่องรอยถูกของแข็งงัดจนได้รับความเสียหาย แต่ไม่สามารถเปิดออกได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ถ่ายภาพพร้อมทั้งเก็บลายนิ้วมือแฝงไว้เป็นหลักฐาน

สอบถาม นายไพรัช ดิษฐ์ด้วงปล้อง อายุ 43 ปี ผู้ควบคุมงานขนส่ง ทราบว่า รถคันเกิดเหตุได้จอดไว้บริเวณริมถนนใกล้เคียงกับธนาคาร จนกระทั่งพนักงานขับรถขนส่งเงินผลัดใหม่ ขับรถเข้ามานำเงินใส่เพื่อนำไปส่งตามจุดต่างๆ ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่ประตูด้านท้าย เมื่อสำรวจอย่างละเอียดก็พบว่าถูกของงัดแงะด้วยของแข็งได้รับความเสียหาย จึงระงับการใช้รถคันถูกก่อเหตุและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายมาก่อเหตุด้วยกัน 1-2 คน พยายามใช้ของแข็งงัดแงะประตูหลัง เพื่อเข้าไปขโมยเงิน แต่คนร้ายไม่สามารถเข้าไปเอาได้เลยถอดใจพากันหลบหนี ซึ่งถ้าหากคนร้ายสามารถงัดประตูได้ ภายในนั้นก็ไม่มีทรัพย์สิน เพราะทางบริษัทได้วางแผนระบบการขนเงินและเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ปกครองบางละมุง ลุย ตรวจจับผับ-คาราโอเกะ เปิดเกินเวลากว่ากฎหมายกำหนด

IMG_0822
พัทยา-(1 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย นายประพันธ์ ประทุมชุมภู ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และนายพิเชฐ ธรรมโหร ปลัดอำเภอ ได้นำกำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ออกตรวจสอบสถานบันเทิงเมืองพัทยาลักลอบเปิดเกินเวลาที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อเป็นการจัดระเบียบสังคม ตามนโยบานนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี

IMG_0835

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถานบันเทิงหลายแห่งของเมืองพัทยาให้ความร่วมมือปิดร้านตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่ยังพบว่าร้านเดอะฟาสต์ ผับพัทยา ตั้งอยู่ถนนพัทยาใต้ เปิดให้บริการให้กับลูกค้าอยู่ จึงเข้าไปทำการตรวจสอบ นักท่องราตรีจำนวนหนึ่ง กำลังดื่มกินสุรากันภายในร้าน จึงสั่งให้ทางร้านเปิดไฟและปิดเพลง ก่อนจะตรวจบัตรประจำตัวประชาชน และตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย ปรากฏว่าพบนักท่องวราตรีมีปัสสาวะสีม่วง 1 ราย โดยมี นายวีรพงษ์ มูลดา อายุ 25 ปี แสดงตัวเป็นผู้จัดการร้าน

IMG_0843

ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดเดียวกัน ได้ทำการเข้าตรวจสอบร้านบีเบิร์ด คาราโอเกะ เนื่องจากยังเปิดให้บริการจำหน่ายสุรากับนักเที่ยวราตรีอยู่ และมีเสียงเพลงเล็ดลอดออกมา โดยปิดประตูหน้าร้านเอาไว้ ซึ่งใช้ประตูหลังร้านเป็นทางเข้าออก เพื่อตบตาและหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบจับกุม ทั้งนี้ ตรวจสอบไม่พบนักเที่ยวพนักงานอายุต่ำกว่ากำหนด และไม่มีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งมี นายอรุณ สิงห์โข่ง อายุ 35 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน

IMG_0849

นอภ.บางละมุง กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ร้าน ในฐานความผิด เปิดสถานบันเทิงเกินเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติ จำหน่ายสุราเกินเวลา และเป็นสถานที่สะสมอาหาร ก่อนควบคุมตัวผู้ที่รับเป็นผู้จัดการและผู้ดูแล ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับเสนอเรื่องไปยังนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อสั่งปิดสถานบันเทิงทั้ง 2 แห่งนี้ต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ฝ่ายปกครอง อ.บางละมุง ตรวจจับสถานบันเทิง 6 จุดทั่วเมืองพัทยา

ฝ่ายปกครอง ตรวจจับสถานบันเทิง 6 จุดทั่วเมืองพัทยา เป้าหมายผู้ว่าฯเมืองชลบุรี พบปล่อยเยาวชนเที่ยวอื้อ-ขายบารากู่ไม่กลัวกฎหมายบ้านเมือง

IMG_0741

พัทยา-(30 มี.ค. 59) เมื่อเวลา 02.30 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ได้สั่งการให้ เรืออากาศโทภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจ สภ.เมืองพัทยา นำโดย พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ร่วมกันไปตรวจสอบสถานบันเทิงจำนวน 6 จุด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา หลังได้รับการร้องเรียนผ่านเว็บไซด์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี

IMG_0750

สำหรับการเข้าตรวจค้น 5 จุด ตั้งอยู่โซนพัทยาใต้ ประกอบด้วย ร้านทวิน โอเอซิส, ร้านลาบาเนส, ร้านเมามาย, ร้านบอลกะไบร์ทตัน, และร้านเก็บตะวัน ซึ่งบางร้านเคยถูกจับกุมมาแล้วแต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบ โดยพบการกระทำความผิด อาทิเช่น จำหน่ายสุราเกินเวลาและเด็กอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด แถมยังปล่อยเยาวชนอายุเข้าใช้บริการ รวมทั้งสิ้น 7 คน และยังตรวจยึดของกลาง ยาดองกว่า 20 ลิตร รวมถึง สินค้าห้ามขายตามประกาศของนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยเตาสูบบารากู่กว่า 50 เตา พร้อมอุปกรณ์ และยาเส้นปรุง ชนิดบารากู่เกือบ 4 กิโลกรัม อีกด้วย

IMG_0772

ในส่วนจุดสุดท้าย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้เข้าตรวจสอบร้านฉอฉิ่งตีดัง ตั้งอยู่ริมถนนพัทยาสายสาม พบว่าในเวลา 05.00 น. ยังเปิดให้บริการอยู่ โดยสังเกตได้จากมีกลุ่มวัยรุ่นยืนออกันหน้าร้าน และยังได้ยินเสียงเพลงซึ่งดังกระหึ่มเล็ดลอดมายังนอกร้าน เมื่อเข้าตรวจสอบภายในร้านปรากฏพบเยาวชนสาวลักษณะทอมดี้ กำลังมั่วสุมดื่มสุรา เต้นรำ ตามจังหวะเสียงเพลงดีเจ อย่างสนุกสนาน

IMG_0804

ทางเจ้าหน้าที่สั่งปิดเพลง เปิดไฟร้าน ก่อนทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนของเยาวชนในร้านทุกราย โดยพบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าทำงาน 5 คน และเยาวชนนักเที่ยวไม่พกบัตรประชาชนจำนวน 2 คน โดยมี น.ส.วรรณภา ศิลปะชีวิน อายุ 46 ปี แสดงตัวเจ้าของร้าน จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
นอภ.บางละมุง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ ตรวจจับสถานบันเทิงทำผิดกฎหมายมาแล้วหลายร้าน ซึ่งแต่ละครั้งในที่ประชุมก็จะประกาศเน้นย้ำห้ามปล่อยเยาวชนเข้าไปใช้บริการ เรื่องใช้ยาเสพติด และอาวุธปืน แต่ก็ยังมีชาวบ้านพบเห็นการกระของผู้ประกอบการบางร้านยังทำผิดแบบไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย จึงได้ร้องเรียนจนเป็นที่มาของการจับกุม อย่างไรก็ตามจะเสนอเรื่องผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อสั่งปิดร้านถูกจับกุมทั้งหมดคืนนี้ ตามลำดับต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

อุกอาจ ! โจรบุกชิงทรัพย์ ร้านสะดวกซื้อ คืนเดียว 2 แห่ง ตร.เร่งตามตัว

พัทยา-(29 มี.ค. 59) เมื่อเวลา 00.30 น. พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ ภายในร้านแฟมิลี่ มาร์ท ติดถนน สุขุมวิท สาขาพัทยาสุขุมวิท 43/1 พัทยาใต้ หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุภายในร้านพบพนักงานยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในอาการตกใจและร้องไห้ สอบสวน น.ส.จุฬารัตน์ สีชาวนา อายุ 19 ปี พนักงานประจำเคาน์เตอร์ให้การว่า ขณะกำลังขายของอยู่ภายในร้าน มีคนร้าย 1 คน เป็นชายรูปร่างท้วม สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนขายาวสีดำรองเท้าผ้าใบ สวมแว่นตา ลักษณะเป็นชาวอินเดีย พูดไทยชัดเจน

โดยคนร้ายคนได้เดินเข้ามาในสภาพคล้ายคนเมาสุรา เมื่อมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ได้ทำเลนส์แวนตาตกที่พื้นและก้มลงไปเก็บ จึงไม่สนใจอะไรคิดว่าเป็นลูกค้า เมื่อคนร้ายเงยหน้าขึ้นมาได้พูดว่า “มึงอย่ามองหน้ากู ส่งเงินมาให้หมด ไม่อย่างนั้นกูจะฆ่า ถ้าพวกมึงแจ้งตำรวจกูจะฆ่าพวกมึงให้หมด” ด้วยความกลัวตนกับพี่อีกคนจึงเปิดลิ้นชักที่เคาน์เตอร์ ส่งเงินให้คนร้ายไปเมื่อคนร้ายได้เงิน จึงเดินออกไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ที่จอดบริเวณหน้าร้านทำการหลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลา 04.00 น. คนร้ายคนเดียวกันบุกเข้าก่อเหตุร้านแฟมิลี่มาร์ท ทัพพระยาซอย 2 โดยได้ทรัพย์สินเป็นบุหรี่นอกจำนวน 2 ซองและเหล้าโกลด์เลเบิ้ล 1 ขวด รวมราคา 2,389 บาท ก่อนหลบหนีไป

ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่หาข้อมูลเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากคนร้ายได้ก่อเหตุแบบอุกอาจ 2 รายซ้อน ซึ่งไม่แกรงกลัวต่อกฎหมาย

ภาพ/ข่าว Ku Salick