กรณีมีผู้ใช้เฟชบุ๊คชื่อว่า “Swanya Saema” ได้โพสต์คลิปวีดีโอลงในเพจชื่อดัง “เรารักพัทยา” เมื่อวันที่ 15 พ.ค.พร้อมข้อความระบุว่า “พี่ค่ะ วันนี้น้องชายหนูโดนตบทรัพย์ที่พัทยาค่ะ มีแขกผัวเมียมาขอดูเงินไทยในขณะ ที่น้องชายหนูไปซื้อของในเซเว่นฯ เพียงเวลาไม่ถึง 1 นาที สองผัวเมียนี้ ขโมยตังในกระเป๋าไปหมดเลยค่ะ มารู้ตัวอีกที ตอนจะจ่ายตังพนักงานค่ะ สรุปเงินหายไป7,000 บาทค่ะ อยากให้ช่วย ประชาสัมพันธ์หน่อยค่ะ ใครพบเห็นแจ้ง เบอร์ติดต่อ 0615988369 เบอร์น้องชาย คนที่โดนตบทรัพย์ค่ะ”

โดยในคลิปมีภาพเหตุการณ์ขณะที่ผู้เสียหายเป็นชายไทย กำลังเลือกซื้อสินค้าภายในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ก่อนที่มีชายต่างชาติลักษณะคล้ายแขกขาว ซึ่งมาพร้อมกับภรรยา ลูกชายวัยประมาณ 1 ขวบ และหญิงสาวชาวตะวันออกกลางอีก 1 คน ได้เดินเข้ามาสอบถามเรื่องวิธีการใช้เงินการซื้อสินค้า แล้วอาศัยจังหวะเผลอแอบฉกเงินเผ่นหนีไป

เกี่ยวกับกรณีนี้เมื่อกลางดึกของวันที่ 17 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้เดินทางเข้าพบนายวินัย พลอยกมล อายุ 24 ปี อาชีพมัคคุเทศก์ ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อตามคลิปวีดีโอ และได้รับการเปิดเผยว่า ในวันเวลาดังกล่าวตนได้ไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในซอย 5 ถนนพระตำหนัก ย่านพัทยาใต้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก จู่ๆ มีชายชาวต่างชาติ คาดว่าน่าจะเป็นชาวตะวันออกกลาง อายุประมาณ 30-40 ปี และครอบครัว เข้ามาสอบถามเป็นภาษาอังกฤษว่า ตนเอง(แขกขาว) ต้องการจะซื้อน้ำมันพืช เพื่อต้องการนำไปประกอบอาหารยังที่พัก แต่ตอนนี้ไม่มีเงินไทย เลยไม่รู้ว่าต้องใช้แบงค์อะไรในการชำระค่าสินค้า

นายวินัย เล่าต่อไปว่า เมื่อคนต่างชาติมาสอบถามข้อมูล ด้วยความที่เป็นคนไทยและมีอาชีพเป็นไกด์ จึงแสดงน้ำใจด้วยการเสียสละเวลาอธิบายให้หนุ่มแขกขาวคนดังกล่าวฟัง พร้อมกับควักธนบัตรไทยฉบับละ 100 บาทจากกระเป๋าสตางค์มาประกอบคำบรรยาย แต่เจ้าตัวแสดงทีท่าว่าไม่เข้าใจ ก่อนที่จะล้วงเอาธนบัตรสกุลดอลล่าห์สหรัฐหลายฉบับ ออกมาจากกระเป๋า แล้วทำทีดึงธนบัตรไทยในกระเป๋าสตางค์ของตนไปเปรียบเทียบโดยใช้เวลาไม่นานจึงคืนให้ จากนั้นทั้งหมดจึงเดินออกไปจากร้าน

กระทั่งตนนำสินค้าไปชำระเงินที่หน้าเค้าเตอร์ เลยทำให้รู้ว่าเงินในกระเป๋าตัวเองหายไปจำนวน7,000 บาท เมื่อขอดูกล้องวงจรปิดของร้านทำให้เชื่อว่าน่าจะถูกชายชาวตะวันออกกลางที่มาพูดคุยตีสนิท อาศัยจังหวะเผลอแอบฉกเงินของตนไป จึงให้น้องสาวนำคลิปวีดีโอภาพวงจรปิดพฤติกรรมของคนร้ายแก๊งนี้โพสต์ลงในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อเตือนภัยแก่บุคคลทั่วไป และหากท่านใดพบเห็นกลุ่มคนในภาพก็สามารถแจ้งตำรวจจับกุมได้ทันที เพราะเรื่องนี้ตนได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สภ.เมืองพัทยา

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(16 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 22.30 น. พ.ต.ท.พงศ์ศรัณย์ วังพลับ สารวัตรสอบสวน ตำรวจทางหลวงหน่วยสอบสวนย่อยเขาเขียว จ.ชลบุรี รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถกระบะมีผู้เสียชีวิตคาที่ 1 ราย เหตุเกิดขึ้นที่บนทางหลวงพิเศษสาย 7 ตอน 5 หลักกิโลเมตรที่ 123-124 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ ทะเบียน 1 กก 4882 นนทบุรี พุ่งชนท้ายรถกระบะบรรทุกเฟอร์นิเจอร์ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์-ทอง ทะเบียน บห 8552 อุบลราชธานี สภาพอัดคาท้ายรถกระบะคันดังกล่าว ใกล้กันพบศพคนขับรถจักรยานยนต์ ทราบชื่อคือ นายพีรพงษ์ พันธ์แจ่ม อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา นอนจมกองเลือดเสียชีวิตคาที่

สอบสวน นายเวหา นาคูณ อายุ 26 ปี คนขับรถกระบะ ทราบว่า ขณะที่กำลังจอดรถอยู่ริมถนน เพื่อตรวจสอบเชือกมัดสินค้าเฟอร์นิเจอร์ท้ายรถ เพื่อป้องกันสินค้าตกหล่นระหว่างเดินทางขนส่ง หลังจากตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยกำลังขึ้นรถจะออกเดินทาง ปรากฏว่ายินเสียงมาจากท้ายกระบะ จึงรีบวิ่งไปดูก็พบรถจักรยานยนต์พุ่งชนท้ายอย่างจัง โดยที่ร่างผู้ตายยังนั่งคร่อมรถอยู่ จึงรีบแจ้งแจ้งมาช่วยเหลือ แต่ผู้ตายทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตคาที่ดังกล่า

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(16 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 21.00 น.พ.ต.ต.ธีทัต ตลุณจันทร์ สว.สอบสวน สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งรถยนต์กระบะชนประสานงารถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณหน้าหมู่บ้านพรเทพ 5 ภายในซอยชัยพรวิถี 25 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ น.ส.สุภาวดี หลักชัย อายุ 18 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ริมทาง ในสภาพสยดสยอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำผ้าปิดคลุมกันเป็นที่อุจาดตา พร้อมกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนออกบริเวณเกิดเหตุ

ตรวจสอบพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซุซุ ดีแม๊ก สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพใหม่เอี่ยม อยู่ในพลอกคว่ำตะแคงข้าง ได้รับความเสียหายยับเยิน ข้างกันยับพบขวดสุราตกอยู่ ถัดมาพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิก สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กข 8328 อุดรธานี เป็นของผู้ตาย ถูกชนได้รับความเสียหายเช่นกัน

ต่อมามารดาของน.ส.สุภาวดี (ผู้เสียชีวิต) ได้เดินทางออกมาตามหาลูกเนื่องจากออกมาเป็นเวลานานผิดปกติ เมื่อมาถึงบริเวณเกิดเหตุ พบว่ามีอุบัติเหตุสังหรณ์ใจไม่ดีเลยหยุดรถดู ปรากฏว่าร่างไร้วิญญาณเป็นแก้วตาดวงใจของตนเอง ถึงกับช็อกร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจจนเป็นลม เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันพยุงมานั่งเพื่อปฐมพยาบาลและปลอบใจ

สอบสวน นายชัยพิชิต ทะวาปี อายุ 39 ปีคนขับรถยนต์กระบะอยู่ในอาการคล้ายคนเมาสุราให้การวกไปวนมา ว่าในขณะที่ขับมุ่งหน้าออกจากซอยชัยพรวิถี 25 โดยมีผู้เสียชีวิตขับขี่สวนมา รถยนต์ของตนเองได้ตกหลุมและเสียหลักพลิกคว่ำไปชนกับรถของผู้ตายอย่างจัง จนร่างของผู้ตายกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงจนเสียชีวิตดังกล่าว

เบื้องต้นพ.ต.ต.ธีทัต ตลุณจันทร์ สว.สอบสวน เจ้าของคดีได้ควบคุมตัว นายชัยพิชิต ทะวาปี ไปยัง สภ.หนองปรือ เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอ พบว่าเกินถึง 246 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ซึ่งเกิดที่กฎหมายกำหนด พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(16 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุว่ามีพลเมืองดีสามารถควบคุมตัวแก๊งสาวประเภทสองก่อเหตุล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวไว้ได้พร้อมของกลาง บริเวณหน้าโรงแรมทวินปาล์ม ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเขตรับผิดชอบรุดตรวจสอบทันที

ที่เกิดเหตุพบ 2 พลเมืองดีทราบชื่อคือ นายคมสันต์ โปร่งกมล และนายฉัตรเพชร อยู่พาสุข ทั้งคู่ประกอบอาชีพวินจักรยานยนต์รับจ้างในเมืองพัทยาและเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจบ้าน สภ.เมืองพัทยา กำลังช่วยกันควบคุมตัวผู้ก่อเหตุสาวประเภทสอง 2 คน ประกอบด้วย นายเจษฎา เมอแล อายุ 28 ปี และนายฤาณี เยฟ อายุ 30 ปี พร้อมเงินสดของกลางจำนวน 1,000 บาท ของผู้เสียหายคือ นายอาเหม็ด วาซารามนี อายุ 31 ปี นักท่องเที่ยวชาวอิหร่าน

สอบถาม 2 พลเมืองดี ทราบว่า ขณะที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งลูกค้าบริเวณปากทางเข้าถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้พบ 2 ผู้ก่อเหตุกำลังพูดคุยกับผู้เสียหายอยู่ จากนั้นทั้งคู่ได้พากันรีบขึ้นรถจักรยานยนต์ขับออกมาด้วยความเร็ว ด้วยความเอะใจเพราะพฤติกรรมเข้าค่ายกลุ่มแก๊งล้วงกระเป๋า จึงบอกและทำความเข้าใจกับลูกค้าที่โดยสารมาด้วย

ก่อนจะเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ ติดตามไปสกัดจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้ โดยจากการสอบถาม ผู้เสียหาย ได้รับการยืนยันว่าเงินจำนวน 1,000 บาท จึงทำการตรวจค้นผู้ก่อเหตุ ปรากฏว่าเงินจำนวนดังกล่าว หล่นอยู่กับพื้นระหว่างตัวผู้ก่อเหตุ จึงรีบแจ้งวิทยุสื่อสารตำรวจมาร่วมจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้

เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุทั้งสองคน รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยจะนำเงินศัลยกรรมเสริมความงามให้เหมือนผู้หญิง สำหรับ ผู้ก่อเหตุทั้งสองคน เคยถูกจับกุมคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เข็ดหลาบ เมื่อพ้นโทษออกมาไม่ถึง 2 เดือน ก็ลงมือก่อเหตุชนิดไม่กลัวคุกไม่กลัวตาราง ภายหลังสอบสวน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว ผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก. สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่า ในการทำงานของพลเมืองดีครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงของเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก จึงอยากขอชื่นชนและยกย่อง รวมถึงเป็นกำลังใจพลเมืองดีเหล่านี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่สอดส่องดูแลช่วยเหลือสังคมต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(16 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 01.20 น. พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก. สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ ภายในร้านวีไอพี คลินิกเสริมความงาม ถนนมาบยายเลีย หรือซอยเนินพลับหวาน ตั้งอยู่เลขที่ 40/59 ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น สร้างติดเรียงกัน 6 คูหา โดยตึกเกิดเหตุชั้นล่างเปิดเป็นคลินิกเสริมความงามสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งมีนายวิรัชศักดิ์ สุกฤตานนท์ อายุ 41 ปี ผู้เสียหายเป็นหมอประจำคลินิกและเจ้าของกิจการ ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ในการตื่นตระหนกตกใจ

จากนั้นได้พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและชี้จุดฝ้าเพดาน ของห้องน้ำบนชั้น 4 ถูกเปิดออก ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะโรยตัวเข้ามาทางนี้ ก่อนจะเข้ามาห้องเก็บของชั้นเดียวกัน ใช้ของแข็งงัดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งลักขโมยเงินกว่า 10,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ของคลินิก

นายวิรัชศักดิ์ ผู้เสียหาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ชั้นบน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากส่วนตัวได้บูชากุมารเงิน-กุมารทอง จำนวน 14 ตน วิ่งเล่นตามปกติ จนกระทั่งเกิดเหตุได้ขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนชั้น 4 ปรากฏว่าฝ้าเพดานถูกเปิดออก

เมื่อไปตรวจสอบลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง พบว่าเงินจำนวน 50,000 บาท ซุกซ่อนไว้เอา สูญหายไปเพียงบางส่วนนับได้กว่า 10,000 บาท ที่หายไป จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที นอกจากนี้พบว่าตลอดระยะเวลาที่เปิดคลินิกกว่า 1 ปี เงินรายได้ที่ซุกซ่อนไว้หายบ่อยมาก โดยคนร้ายจะลักขโมยไปเพียงแต่บางส่วน

ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก. สภ.หนองปรือ ได้สั่งการชุดสืบสวนเร่งรัดตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อหาข้อมูลของคนร้าย พร้อมกับประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เก็บรายนิ้วมือแฝงคนร้ายเพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ฝนกระหน่ำลมกรรโชกแรงทำเสาไฟฟ้าล้มโคนขวางถนน วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจเช็คเสาไฟให้อยู่ในสถาพใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

พัทยา-(15 พ.ค 59) เมื่อเวลา 12.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากเกิดฝนกระหน่ำลมกรรโชกแรง เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงทำให้มีเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่หักโค่นลงมาขวางถนนจนทำให้การสัญจรไปมาเป็นไปอย่างยากลำบาก เหตุเกิดบริเวณถนนมาบตาโต้ ซอย 4 ม.13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

สอบถาม ป้าอ้วน เจ้าของร้านอาหาร ใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า ในขณะที่กำลังทำอาหารให้ลูกค้าอยู่นั้นได้เกิดฝนตก และได้มีลมพัดแรง จู่ๆ เสาไฟฟ้าที่มีสายไฟและสายเคเบิลต่างๆ ระโยงระยางเต็มไปหมด เกิดโค่นล้มขวางถนน มีสะเก็ดไฟ และชิ้นส่วนอุปกรณ์กระเด็นพุ่งเข้าไปบริเวณร้านแต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบโทรศัพท์ประสานไปยังการไฟฟ้าให้รีบตัดไฟ และเข้ามาดูแลแก้ไข

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ใกล้กันยังพบกิ่งต้นพุทราขนาดใหญ่ หักลงมาทับสายไฟและปิดครึ่งเลนถนน ชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงได้นำเครื่องตัดกิ่งไม้มาตัดกิ่งไม้ออก

ทั้งนี้จึงอยากวอนการไฟฟ้าหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเสาไฟฟ้าบริเวณดังกล่าว หากเกินการชำรุดให้รีบดำเนินการแก้ไขโดยด่วนหากปล่อยไว้นานหวั่นเกิดอันตรายกับผู้ที่สัญจรผ่านไปมา

สองโจรขี้เมาสุดเหิมดักใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์หนุ่มหน้าอพาร์ทเม้นท์ พร้อมประกาศศักดา ชื่อ”กบ” ใครก็รู้จัก ก่อนได้ทรัพย์สินหลบหนีลอยนวล
พัทยา-(14 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.วิษณุ ไชยสุวรรณ รองสวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุจี้ชิงทรัพย์ เหตุเกิดที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง เลขที่ 489/35 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและนำกำลังสายตรวจรีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ทเม้นท์ไม่มีชื่อสูง 3 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยค่อนข้างเปลี่ยว พบผู้เสียหายคือนายอนันท์ เพชรทอง อายุ 21 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในอาการหวาดกลัว ว่าในขณะที่กำลังจะออกไปรับประทานอาหาร ได้เดินลงจากห้องพักเพื่อมาเอารถที่จอดอยู่ด้านหน้าอพาร์ทเม้น ได้มีชายวัยรุ่น 2 คนนั่งดักรออยู่ด้านหน้า สภาพมึนเมากลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง ชักอาวุธมีดออกมาขู่พร้อมบังคับให้ส่งทรัพย์สินทั้งหมดให้ ด้วยความกลัวจึงรีบส่งเงินสดจำนวน 600 บาท และโทรศัพท์ 1 เครื่องให้ไป

หลังจากคนร้ายทั้งสองได้ทรัพย์สินตามต้องการ ก็ได้ข่มขู่อีกว่าหากแจ้งตำรวจจะทำร้าย พร้อมประกาศศักดาว่าตนเองนั้นชื่อ “กบ” ใครๆ ก็รู้จัก แล้วคนร้ายสองคนก็ได้เดินโซซัดโซเซไปขึ้นรถจักรยานยนต์แบบออโตเมติก สีชมพู ขับขี่ออกไปอย่างใจเย็น ด้วยความกลัวว่าคนร้ายจะย้อนกลับมาทำร้ายร่างกายจึงรีบเดินกลับขึ้นห้องพัก ก่อนตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับคนร้ายตามรูปพรรณสัณฐานที่ นายอนันท์ (ผู้เสียหาย) แจ้งไว้ แต่ก็ยังไร้วี่แวว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาแบะแสพร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

พัทยา-(13 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี พ.ต.ท.ธนเสฎฐ์ ประชาชัยศรี รอง ผกก.(สส.)พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

โดยรายแรกจับกุม นายนพรัต หรือปั้ม รัศมีเดือน อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดีวิ่งราวทรัพย์ พร้อมของกลาง รถจยย.ยี่ห้อ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีม่วง-ขาว ทะเบียน 1กถ-6001 ชลบุรี หมวกกันน็อคสีเทาและรองเท้าแตะสีขาว

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุคนร้ายวิ่งราวทรัพย์กระชากสร้อยนักท่องเที่ยว ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมีผู้เสียหายจำนวนหลายราย ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและคำให้การของผู้เสียหาย ทราบว่า คนร้ายเป็นชายไทย ลักษณะท้วม ผิวดำแดง สูงประมาณ 180-190 ซม. มีตำหนิลายสักทีแขนซ้าย แต่งกายสีเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าเตะแบบคีบสีขาว สวมหมวกกันน็อคสีเทา เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนแกะรอยจึงทราบว่า คนร้ายผู้ก่อเหตุคือ นายนพรัต หรือปั้ม รัศมีเดือน พักอยู่ในซอยเนินพลับหวาน ซอยมาบยายเลีย 4/1 จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริงจึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

อีกรายร่วมกันจับกุม นายสุรศักดิ์ หรือพุด นาคนวล อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1,000 เม็ด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายสุรศักดิ์ หรือพุด นาคนวล มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาบ้า ในเขตพื้นที่ อ.บางละมุง จึงทำการสืบสวน กระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 11 พ.ค.59 สืบทราบว่า นายสุรศักดิ์ จะนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้าที่บริเวณ บ้านโป่งสะเก็ด ม.3 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ นายสุรศักดิ์ ลักษณะรูปพรรณตรงตามที่สายลับได้แจ้งไว้ ยืนอยู่ริมถนนสาย 331 ม.3 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จึงแสดงตัวและทำการตรวจค้นจนพบยาบ้าของกลางดังกล่าว

สอบสวน นายสุรศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวเป็นของ นายป๋า (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้ตนไปเก็บมาจากริมถนนสายด่านผจญ-นิคมพัฒนาฯ เพื่อนำมารอจำหน่ายให้ลูกค้า จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว ส่วนนายป๋า ไหวตัวทันได้หลบหนีไป โดยในการส่งยาแต่ละครั้ง นายสุรศักดิ์ จะได้ค่าจ้างครั้งละ 500 บาท ทั้งนี้ จึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนขยายผลเพื่อเร่งติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

พัทยา-(13 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 21.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ไปตรวจสอบห้องพักหมายเลข 308 ชั้น 3 ของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งภายในซอย 14 กอไผ่ พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งว่ามีคนกินยานอนหลับเกินขนาด เพื่อหวังฆ่าตัวเองตาย

เมื่อไปถึงพบนายสัญญา หรือแดง พันธ์น้อย อายุ 26 ปี และน.ส.อรนันท์ หรือกวาง สาลีอาจ อายุ 25 ปี สองผัวเมีย นอนหมดสติอยู่บนเตียง ที่ข้อมือทั้งสองคนมีเชือกผูกมัดติดกันไว้ โดยทั้งสองคนกุมมือกันไว้แน่นราวกลับว่าจะไม่มีอะไรมาพรากทั้งสองคนไปไหนได้ เจ้าหน้าที่จึงทำการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายส่ง รพ.กรุงเทพ-พัทยา

สอบสวนทราบว่า ฝ่ายชายเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่ง สโมสรพัทยาเอฟซี ส่วนฝ่ายหญิงทำงานอยู่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา โดยทั้งคู่ได้คบหากันมานาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็เห็นทั้งคู่รักกันดีไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน จนกระทั่งฝ่ายหญิงได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว

โดยระบุข้อความดังนี้ “ขอให้รักแท้คงอยู่ตลอดไป รักเธอตลอดไป” พร้อมกับส่งข้อความไลน์เข้ากลุ่มเพื่อนสนิทด้วยอีกว่า “รักทุกคนนะคะ” จึงสร้างความแปลกใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก จึงได้รีบเดินทางมาดูที่ห้องพัก ก็พบว่าทั้งสองคนนอนหมดสติอยู่บนเตียงดังกล่าวจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือดังกล่าว

สำหรับ สองหนุ่มสาวคู่รักรายนี้ อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยทั้งสองคาดว่าน่าจะรับทานยานอนหลับเข้าไปเป็นจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ในอาการปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนสาเหตุในการคิดสั้นครั้งนี้ทางกลุ่มเพื่อนไม่ขอเปิดเผยแต่คาดว่าทั้งสองคนน่าจะมีปัญหาภายในครอบครัวจึงเป็นเหตุคิดสั้นในครั้งนี้

ภาพ/ข่าว Ku Salick