พัทยา-(16 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 21.00 น.พ.ต.ต.ธีทัต ตลุณจันทร์ สว.สอบสวน สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งรถยนต์กระบะชนประสานงารถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณหน้าหมู่บ้านพรเทพ 5 ภายในซอยชัยพรวิถี 25 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ น.ส.สุภาวดี หลักชัย อายุ 18 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ริมทาง ในสภาพสยดสยอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำผ้าปิดคลุมกันเป็นที่อุจาดตา พร้อมกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนออกบริเวณเกิดเหตุ

ตรวจสอบพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซุซุ ดีแม๊ก สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพใหม่เอี่ยม อยู่ในพลอกคว่ำตะแคงข้าง ได้รับความเสียหายยับเยิน ข้างกันยับพบขวดสุราตกอยู่ ถัดมาพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิก สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กข 8328 อุดรธานี เป็นของผู้ตาย ถูกชนได้รับความเสียหายเช่นกัน

ต่อมามารดาของน.ส.สุภาวดี (ผู้เสียชีวิต) ได้เดินทางออกมาตามหาลูกเนื่องจากออกมาเป็นเวลานานผิดปกติ เมื่อมาถึงบริเวณเกิดเหตุ พบว่ามีอุบัติเหตุสังหรณ์ใจไม่ดีเลยหยุดรถดู ปรากฏว่าร่างไร้วิญญาณเป็นแก้วตาดวงใจของตนเอง ถึงกับช็อกร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจจนเป็นลม เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันพยุงมานั่งเพื่อปฐมพยาบาลและปลอบใจ

สอบสวน นายชัยพิชิต ทะวาปี อายุ 39 ปีคนขับรถยนต์กระบะอยู่ในอาการคล้ายคนเมาสุราให้การวกไปวนมา ว่าในขณะที่ขับมุ่งหน้าออกจากซอยชัยพรวิถี 25 โดยมีผู้เสียชีวิตขับขี่สวนมา รถยนต์ของตนเองได้ตกหลุมและเสียหลักพลิกคว่ำไปชนกับรถของผู้ตายอย่างจัง จนร่างของผู้ตายกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงจนเสียชีวิตดังกล่าว

เบื้องต้นพ.ต.ต.ธีทัต ตลุณจันทร์ สว.สอบสวน เจ้าของคดีได้ควบคุมตัว นายชัยพิชิต ทะวาปี ไปยัง สภ.หนองปรือ เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอ พบว่าเกินถึง 246 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ซึ่งเกิดที่กฎหมายกำหนด พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(16 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุว่ามีพลเมืองดีสามารถควบคุมตัวแก๊งสาวประเภทสองก่อเหตุล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวไว้ได้พร้อมของกลาง บริเวณหน้าโรงแรมทวินปาล์ม ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเขตรับผิดชอบรุดตรวจสอบทันที

ที่เกิดเหตุพบ 2 พลเมืองดีทราบชื่อคือ นายคมสันต์ โปร่งกมล และนายฉัตรเพชร อยู่พาสุข ทั้งคู่ประกอบอาชีพวินจักรยานยนต์รับจ้างในเมืองพัทยาและเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจบ้าน สภ.เมืองพัทยา กำลังช่วยกันควบคุมตัวผู้ก่อเหตุสาวประเภทสอง 2 คน ประกอบด้วย นายเจษฎา เมอแล อายุ 28 ปี และนายฤาณี เยฟ อายุ 30 ปี พร้อมเงินสดของกลางจำนวน 1,000 บาท ของผู้เสียหายคือ นายอาเหม็ด วาซารามนี อายุ 31 ปี นักท่องเที่ยวชาวอิหร่าน

สอบถาม 2 พลเมืองดี ทราบว่า ขณะที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งลูกค้าบริเวณปากทางเข้าถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้พบ 2 ผู้ก่อเหตุกำลังพูดคุยกับผู้เสียหายอยู่ จากนั้นทั้งคู่ได้พากันรีบขึ้นรถจักรยานยนต์ขับออกมาด้วยความเร็ว ด้วยความเอะใจเพราะพฤติกรรมเข้าค่ายกลุ่มแก๊งล้วงกระเป๋า จึงบอกและทำความเข้าใจกับลูกค้าที่โดยสารมาด้วย

ก่อนจะเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ ติดตามไปสกัดจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้ โดยจากการสอบถาม ผู้เสียหาย ได้รับการยืนยันว่าเงินจำนวน 1,000 บาท จึงทำการตรวจค้นผู้ก่อเหตุ ปรากฏว่าเงินจำนวนดังกล่าว หล่นอยู่กับพื้นระหว่างตัวผู้ก่อเหตุ จึงรีบแจ้งวิทยุสื่อสารตำรวจมาร่วมจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้

เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุทั้งสองคน รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยจะนำเงินศัลยกรรมเสริมความงามให้เหมือนผู้หญิง สำหรับ ผู้ก่อเหตุทั้งสองคน เคยถูกจับกุมคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เข็ดหลาบ เมื่อพ้นโทษออกมาไม่ถึง 2 เดือน ก็ลงมือก่อเหตุชนิดไม่กลัวคุกไม่กลัวตาราง ภายหลังสอบสวน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว ผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก. สภ.เมืองพัทยา กล่าวว่า ในการทำงานของพลเมืองดีครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงของเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก จึงอยากขอชื่นชนและยกย่อง รวมถึงเป็นกำลังใจพลเมืองดีเหล่านี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่สอดส่องดูแลช่วยเหลือสังคมต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(16 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 01.20 น. พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก. สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ ภายในร้านวีไอพี คลินิกเสริมความงาม ถนนมาบยายเลีย หรือซอยเนินพลับหวาน ตั้งอยู่เลขที่ 40/59 ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น สร้างติดเรียงกัน 6 คูหา โดยตึกเกิดเหตุชั้นล่างเปิดเป็นคลินิกเสริมความงามสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งมีนายวิรัชศักดิ์ สุกฤตานนท์ อายุ 41 ปี ผู้เสียหายเป็นหมอประจำคลินิกและเจ้าของกิจการ ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ในการตื่นตระหนกตกใจ

จากนั้นได้พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและชี้จุดฝ้าเพดาน ของห้องน้ำบนชั้น 4 ถูกเปิดออก ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะโรยตัวเข้ามาทางนี้ ก่อนจะเข้ามาห้องเก็บของชั้นเดียวกัน ใช้ของแข็งงัดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งลักขโมยเงินกว่า 10,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ของคลินิก

นายวิรัชศักดิ์ ผู้เสียหาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ชั้นบน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากส่วนตัวได้บูชากุมารเงิน-กุมารทอง จำนวน 14 ตน วิ่งเล่นตามปกติ จนกระทั่งเกิดเหตุได้ขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนชั้น 4 ปรากฏว่าฝ้าเพดานถูกเปิดออก

เมื่อไปตรวจสอบลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง พบว่าเงินจำนวน 50,000 บาท ซุกซ่อนไว้เอา สูญหายไปเพียงบางส่วนนับได้กว่า 10,000 บาท ที่หายไป จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที นอกจากนี้พบว่าตลอดระยะเวลาที่เปิดคลินิกกว่า 1 ปี เงินรายได้ที่ซุกซ่อนไว้หายบ่อยมาก โดยคนร้ายจะลักขโมยไปเพียงแต่บางส่วน

ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก. สภ.หนองปรือ ได้สั่งการชุดสืบสวนเร่งรัดตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อหาข้อมูลของคนร้าย พร้อมกับประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เก็บรายนิ้วมือแฝงคนร้ายเพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

ฝนกระหน่ำลมกรรโชกแรงทำเสาไฟฟ้าล้มโคนขวางถนน วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจเช็คเสาไฟให้อยู่ในสถาพใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

พัทยา-(15 พ.ค 59) เมื่อเวลา 12.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากเกิดฝนกระหน่ำลมกรรโชกแรง เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงทำให้มีเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่หักโค่นลงมาขวางถนนจนทำให้การสัญจรไปมาเป็นไปอย่างยากลำบาก เหตุเกิดบริเวณถนนมาบตาโต้ ซอย 4 ม.13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

สอบถาม ป้าอ้วน เจ้าของร้านอาหาร ใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า ในขณะที่กำลังทำอาหารให้ลูกค้าอยู่นั้นได้เกิดฝนตก และได้มีลมพัดแรง จู่ๆ เสาไฟฟ้าที่มีสายไฟและสายเคเบิลต่างๆ ระโยงระยางเต็มไปหมด เกิดโค่นล้มขวางถนน มีสะเก็ดไฟ และชิ้นส่วนอุปกรณ์กระเด็นพุ่งเข้าไปบริเวณร้านแต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบโทรศัพท์ประสานไปยังการไฟฟ้าให้รีบตัดไฟ และเข้ามาดูแลแก้ไข

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ใกล้กันยังพบกิ่งต้นพุทราขนาดใหญ่ หักลงมาทับสายไฟและปิดครึ่งเลนถนน ชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงได้นำเครื่องตัดกิ่งไม้มาตัดกิ่งไม้ออก

ทั้งนี้จึงอยากวอนการไฟฟ้าหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเสาไฟฟ้าบริเวณดังกล่าว หากเกินการชำรุดให้รีบดำเนินการแก้ไขโดยด่วนหากปล่อยไว้นานหวั่นเกิดอันตรายกับผู้ที่สัญจรผ่านไปมา