พัทยา-(1 พ.ย. 61) เมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัยหนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน เหตุเกิดที่บ้านพักไม่มีเลขที่ภายใน ซอยวัดบุญสัมพันธ์ 14 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลหนองปรือและเมืองพัทยารุดที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักลักษณะเป็นเพิง ปลูกสร้างด้วยสังกะสีจำนวนกว่า 20 หลังปลูกติดกันคล้ายแคมป์ก่อสร้าง เปลวเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างหนัก กลุ่มควันพวยพุ่งคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้รถดับเพลิงจำนวน 5 คัน และรถอุปกรณ์ของสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา ต่างระดมฉีดน้ำสกัดแต่สภาพอากาศที่มีลมแรงทำให้เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วจนเผาผลาญจนวอดไปถึง 5 หลัง เจ้าหน้าที่พยายามฉีดน้ำสะกัดเพลิงอย่างต่อเนื่องจนเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบลง จากการเข้าตรวจสอบยังไม่แน่ชัดว่าต้นเพลิงเกิดจากสาเหตุใด
สอบถามน.ส.ยุพิน ฉิมบ้านไร่ อายุ 59 ปี เล่าว่าขณะที่ตนและหลานชายได้นอนอยู่ภายในที่พัก ได้ยินเสียงประทุดังสนั่น จึงออกมาตรวจสอบก็พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง จึงรีบเรียกลูกชายให้ช่วยกันขนทรัพย์สินออกจากบ้าน แต่สามารถขนออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ที่เหลือถูกเพลิงไหม้เหลือแต่ซากให้ดูต่างหน้า
เบื้องต้น พ.ต.ท.นพดล รักษาวงศ์ สว.สส. สภ.หนองปรือ ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้ ส่วนทรัพย์สินที่เสียหายไปนั้นก็ต้องรอเจ้าของบ้านแต่ละหลังชี้แจ้ง ถือว่าโชคดีที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีมีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ทั้งนี้ว่าที่พันตรี ชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน ปลัดอาวุโส รักษาการนายอำเภอบางละมุง ได้กำลังลังเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมจัดการกางเต้นให้ผู้ประสบภัยได้พักพิง พร้อมจัดหาอาหารเครื่องนุ่งห่มและสิ่งของจำเป็นมอบให้เพื่อเยียวยาในเบื้องต้น
พัทยา-(16 ส.ค. 59) พ.ต.ท.วินัย โห้เหรียญ สว.(สอบสวน) สภ.หนอปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รบแจ้งเหตุรถพ่วง 18 ล้อชนท้ายรถบรรทุกทุก 18 ล้อ เกิดเพลิงลุกไหม้ มีผู้ติดอยู่ภายใน เหตุเกิดบนถนนหลวงหมายเลข 36ฝังขาเข้าระยอง ม.6 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยาและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลหนองปรือและเทศบาลโป่งรีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถพ่วงบริษัทเอสซีจี หมายเลขทะเบียนสวนหัว71-8870 ชลบุรี หมายเลขส่วนหาง 71-3738 ชลบุรี ชนเข้าที่ด้านท้ายรถพ่วงบรรทุก 18 ล้อบรรทุกเกลือ หมายเลขส่วนหัว 85-41180 ชลบุรี หมายเลขส่วนหาง 85-6400 ชลบุรี ได้รับความเสียหายยับเยิน จอดขวางถนนทั้ง 3 เลน จนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทำให้รถติดยาวกว่า 3 กิโลเมตร จนเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯใช้รถน้ำ 38 คัน ระดมฉีดน้ำระงับเปลวเพลิง ใช้เวลากว่า 20 นาทีเพลิงจึงดับลง ตรวจสอบภายในรถบรรทุกของบริษัทเอสซีจี พบร่างผู้ขับขี่ติดอยู่ภายในซากรถถูกไฟคอกจนไหม้เป็นตอตะโก เสียชีวิตอยู่ที่เบาะคนขับ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯใช้อุปกรณ์ตัดถ่างงัดนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากตัวรถ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง
สอบถามนายบุญส่ง เบี้ยกระโทก อายุ 41 ปีโชเฟอร์รถบรรทุกเกลือทราบว่า ได้ขับรถบรรทุกเกลือมาประมาณ 50 ตัน จากศรีราชา มุ่งหน้าเขตเมืองระยอง จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นช่วงขึ้นเนินและมืดมาก ก็รู้สึกว่าถูกชนเข้าทางด้านหลังอย่างรุนแรงจนรถไม่สามารถวิ่งต่อได้ ก่อนมีเสียงระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงตนเองจึงรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกจากตัวรถ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือดังกล่าว
เบื้องต้น พ.ต.ท.วินัย โห้เหรียญ สว.(สอบสวน)เจ้าของคดี ได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน สาเหตุคาดว่าผู้ขับขี่น่าจะเกิดความเพลียจากการขับรถและหลับในจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุสลดดังกล่าว ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้มอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯเก็บรักษายังโรงพยาบาลบางละมุง เพื่อให้ญาติรอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยา-(10 ก.ค. 59) เมื่อเวลา 03.00 น.ร.ต.อ.ปิยะ บุญอ่อน รองสว.สอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถตู้เสียหลักชนเสาไฟฟ้าเกิดเพลิงลุกใหม่ เหตุเกิดบริเวณใกล้เคียงวัดห้วยใหญ่ ม.3 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยาและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงห้วยใหญ่รีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า คอมมิวเตอร์ สีบรอนซ์ เสียหลักตกข้างทางชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูง จนเสาไฟฟ้าล้มลงมาทับกลางรถ สายไฟขาดระโยงระยางยาวกว่า 200 เมตร ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงรีบฉีดน้ำระงับเพลิงเพลิงที่โหมอย่างรุนแรงท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจากบริเวณจุดเกิดเหตุเนื่องจากสายไฟฟ้าแรสูงยังมีกระแสไฟ สร้างความลำบากให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก
สอบถามนายมานะ ภิญโญพงษ์ อายุ 58 ปี คนขับ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุกำลังเดินทางกลับที่พัก หลังจากไปงานเลี้ยงฉลองกับกลุ่มเพื่อน ได้ขับมาตามเส้นทางถนนห้วยใหญ่ท่ามกลางสายฝน มารู้สึกตัวอีกที่พบว่าได้เสียหลักตกข้างทางชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูงมีเพลิงลุกไหม้ที่ด้านหน้าของตัวรถ จึงรวบรวมสติวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้แบบหวุดหวิด โดยที่ตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ก่อนมีชาวบ้านช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
เบื้องต้นร.ต.อ.ปิยะ บุญอ่อน รองสว.สอบสวน เจ้าของคดี ได้บันทึกภาพที่เกิดเหตุพร้อมทั้งควบคุมตัวนายมานะ มาสอบปากคำและตรวจวัดปริมาณระดับแอลกอฮอในร่างกายว่าเกินกฎหมายกำหนดหรือไม่ ส่วนสาเหตุคนขับอาจจะหลับใน หรือขับฝ่าสายฝนทำทัศวิสัยในการมองไม่ดีจึงเสียหลักตกข้างทางชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูงดังกล่าว
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยา-(15 มิ.ย. 59 )เมื่อเวลา 19.30 น.พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านอาหารตามสั่ง เลขที่ 437/18 ซอย 6 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิง พร้อมประสานรถน้ำป้องกันและบรรเทาสาธารณเมืองพัทยาจำนวน 1 คัน รีบรุดไปตรวจสอบทันที เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นย่านแหล่งสถานบันเทิงบาร์เบียร์เศรษฐกิจใจกลางเมืองพัทยา
ที่เกิดเหตุพบเป็นร้านอาหารตามสั่งทางขึ้นหอพัก บริเวณห้องครัวพบว่ามีแสงเพลิงกำลังลุกไหม้กระทะและเครื่องครัวอย่างรุนแรง โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติละแวกดังกล่าว ได้พากันนำถังดับเพลิงช่วยกันฉีดสกัดเพลิงไว้ได้ ก่อนเจ้าหน้าที่มาถึง สำหรับเหตุการณ์นี้ ทำเอานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่กำลังนั่งดื่มกินอยู่ตามบาร์เบียร์ย่านดังกล่าว ได้พากันแตกตื่นจำนวนมาก แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว
สอบถาม นางมยุรี ชุ่มผักแว่น อายุ 36 ปี เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีลูกค้าเข้ามาสั่งข้าวรับประทานกันจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้แม่ครัวทำอาหาร เกิดอาการเบลอและลืมปิดแก๊สหลังจากทอดไข่ดาว หลังจากนั้นไม่นานกระทะก็เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจเลยร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นั่งดื่มกินอยู่บาร์เบียร์วิ่งคว้าถังดับเพลิงฉีดสกัดเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้จนดับไว้ได้ในที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมแรงใจสละชีวิตเข้าช่วยเหลือโดยไม่คิดชีวิต เพื่อไม่ให้เหตุนั้นบานปลายไปมากกว่านั้น
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยา-(11 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 14.00 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้สายไฟฟ้า กำลังจะลุกลามเข้าบ้านเรือนประชาชน บริเวณปากซอยสุขุมวิท 49 ฝั่งขาเข้าพัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพัทยา นำกำลังรุดไปช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุพบแสงเพลิงกำลังโหมลุกไหม้สายไฟฟ้าอย่างรุนแรง จนลุกลามเข้าไปบริเวณหน้าร้านอาหารสุขุมวิท49 และคลินิกแพทย์ปัญญาหมอมวลชน เจ้าหน้าที่ปิดกั้นเส้นทางจราจร พร้อมกับใช้โฟมเคมีระดมฉีดสกัดเพลิงไหม้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จ ตรวจสอบไม่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนร้านอาหารและคลินิก ได้รับความเสียหายบริเวณหลังคาหน้าร้าน
จากการสอบถามพยานใกล้เคียง ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังลักษณะคล้ายระเบิด จากนั้นเพลิงจึงค่อยๆ ลุกไหม้บริเวณสายไฟฟ้าที่อยู่บริเวณหน้าร้านอาหารและคลินิกดังกล่าว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เข้ามาตัดกระแสไฟฟ้า พร้อมกับตรวจสอบที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุคาดว่า เกิดจากระบบไฟฟ้าลัดวงจรทำให้สายไฟฟ้าช็อตจนเกิดประกายไฟและลุกไหม้อย่างรวดเร็ว โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(6 มิ.ย. 59) เมื่อเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมืองพัทยา รับแจ้งว่า มีเหตุเพลิงไม้ร้านอาหารอินเดีย ชื่อ Lewinski’s Hotels Restaurants Golf Bar ตั้งอยู่เลขที่ 352/22-23 ชอย 13/3 ถนนเลียบชายหาดพัทยา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคาร 2 คูหา ชั้นล่างเปิดเป็นร้านอาหารอินเดีย ชั้นบนเปิดเป็นห้องพัก ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ในส่วนห้องพักชั้นที่ 4 มีกลุ่มควันไฟพวยพุ่งหนาแน่นมาก สร้างความแตกตื่นให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำสกัดต้นเพลิงใช้เวลาไม่นานก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จ ก่อนใช้เครื่องระบายกลุ่มควันออกจากห้อง ตรวจสอบไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า ห้องพักดังกล่าวเป็นห้องว่างไม่มีผู้พักอาศัย โดยจัดเตรียมเฟอร์นิเจอร์ไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
เพลิงไหม้ห้องควบคุมไฟโรงแรมกลางเมืองพัทยาวอดลามท่อแอร์เสียหาย จนท.ระดมฉีดน้ำช่วยทัน เบื้องต้นยังประเมินความเสียหายไม่ได้
พัทยา-(1 มิ.ย. 59) เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพัทยาศูนย์พัทยาใต้ ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณชั้น 3 ของอาคารชิคทาวเวอร์ โรงแรมพัทยาดิสคัฟเวอร์รี่บีช จ.ชลบุรี จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เนื่องมาจากอยู่บริเวณแหล่งเศรษฐกิจกลางใจเมืองพัทยา
ที่เกิดเหตุพบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแตกตื่นกับเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ก่อนเจ้าหน้าที่จะระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงใช้เวลาเพียง 15 นาที เพลิงจึงสงบ ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพบว่าต้นเพลิงมาจากห้องควบคุมไฟฟ้าของอาคาร ก่อนลุกลามไหม้ท่อแอร์จนได้รับความเสียหาย แต่เนื่องด้วยขณะเกิดเหตุสปริงเกอร์ฉีดน้ำทำงานตามปกติ ทำให้ความเสียหายอยู่ในวงจำกัด เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร
สอบสวนความเบื้องต้นจาก นาย ณ ภัทร ธิติโรจนะวัฒน์ กรรมการผู้จัดการโรงแรม เล่าว่า ต้นเพลิงมาจากแผงควบคุมที่ไม่เคยเปิดใช้ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ด้วยระบบสปริงเกอร์ของเราทำงานปกติ ทำให้ไม่มีความเสียหายมากมายเท่าไรนัก แต่ขณะนี้ยังประเมินค่าความเสียไม่ได้ ต้องรอเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งในเร็ววันนี้
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมช่วยกันฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้บ้านพญาไม้ที่ใช้เวลาปลูกสร้างมานานกว่า 10 ปี กำลังจะเสร็จเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้าชม คาดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
พัทยา(6 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก.สภ.หนองปรือ ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพญาไม้ ตั้งอยู่เลขที่ 124/9 ซ.มาบสอง-หนองใหญ่ 10 ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลหนองปรือ, เทศบาลตำบลโป่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยา รุดทำการช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุพบรถดับเพลิงกว่า 10 คัน กำลังช่วยกันระดมฉีดน้ำควบคุมเปลวเพลิงที่กำลังโหมรุกไหม้บ้านไม้ทรงไทยขนาดใหญ่ ที่ปลูกด้วยไม้เก่าแก่ราคาแพง บนเนื้อที่กว่า 1.5 ไร่ จนเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็ยังไม่สามารถควบคุมเปลวเพลิงไว้ได้ เนื่องจากโครงสร้างทั้งหมดเป็นไม้ และมีลมแรง จนทำมีโครงสร้างบ้างส่วนพังทลายลงมา สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก
เบื้องต้นทราบว่าเจ้าของชื่อ นายขุนทอง อู่เงิน นักธุรกิจชื่อดังในเมืองพัทยา ซึ่งยังไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรได้มากนัก เนื่องจากกำลังอยู่ในอาการตกใจ ทราบเพียงว่าบ้านพญาไม้หลังดังกล่าวปลูกมากว่า 10 ปี และกำลังจะเสร็จและเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ซึ่งตอนเกิดเหตุมีคนงานกำลังต่อเติมภายในด้านบนอยู่ จู่ๆ ได้เกิดไฟฟ้าช็อตและมีเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมเพลิงได้
ส่วนเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ไม่มีรายงานเกี่ยวกับผู้ได้รับบาด คาดมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท จากนั้นจะทำการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 (ชลบุรี) เพื่อเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุหารายละเอียดและสรุปสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(16 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 00.10 น. เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัยดับเพลิงเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ สกาย บีช คอนโดพัทยา ภายในซอย 18 นาเกลือ ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยานำกำลังรีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดหรูสูง 43 ชั้น พบผู้พักอาศัยทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ แตกตื่นพากันขอบข้าวของและทรัพย์สินมีค่า ลงมาอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวคอนโด ตรวจสอบต้นเพลิงอยู่ภายในช่องชาฟท์ ทางเดินน้ำ ของชั้นที่ 7 เจ้าหน้าที่ได้ใช้ถังสารเคมีดับไฟฉีดจนเพลิงสงบก่อนจะลุกลามเป็นวงกว้าง เหลือเพียงกลุ่มควันและร่องรอยไหม้ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัยได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเพลิงเกิดประทุติดขึ้นอีกครั้ง ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจะกระแสไฟฟ้าลัดวงจรเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว
ภาพ/ขาว สมบอล คนไทย
พัทยา-(13 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 00.30 น. พ.ต.ต.จีระศักดิ์ แอบแฝง สารวัตรสอบสวน สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงลุกไหม้บ้านเรือนประชาชน เหตุเกิดขึ้นภายใน เขาตาโล ซอย 9 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลหนองปรือและเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ไม่มีเลขที่สร้างด้วยไม้มุงหลังคาสังกะสี พบประชาชนและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันดับไฟ โดยใช้รถดับเพลิงจำนวน 3 คัน ระดมฉีดน้ำระงับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จนกระทั่งเปลวเพลิงได้สงบลงเหลือเพียงกลุ่มควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
สอบถาม นางอุษา อินทร์ปาน อายุ 52 ปี อาชีพขับวินจยย.รับจ้าง เจ้าของบ้านให้การทั้งน้ำตาว่า ก่อนจะทราบว่าเพลิงไหม้บ้าน ลูกชายคนเล็กชื่อ นายบาส (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ได้โทรมาขอเงินเที่ยว แต่ในขณะนั้นกำลังขับรถส่งผู้โดยสารอยู่ยังไม่สามารถนำเงินมาให้ได้ นายบาส (นามสมมุติ) จึงได้ขู่ว่าหากมาช้าจะเผาบ้านทิ้งและไม่คิดว่าลูกชายสุดที่รักจะกล้าทำตามคำขู่ จึงได้ตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง จนกระทั่งเพื่อนบ้านโทรแจ้งจึงรีบเดินทางกลับมา พบเพียงเศษซากไม้และทรัพย์สินภายในบ้านถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโกไม่เหลือแม้แต่เครื่องครัวหม้อหุงข้าวสำหรับทำกับข้าวประทังความหิวหลังเลิกงาน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับติดตามตัว นายบาส มาสอบปากคำ หากพบการกระผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
พัทยาอัพเดทนิวส์ นำเสนอ ฉับไว เพื่อสังคม