คลังเก็บป้ายกำกับ: โทรศัพท์มือถือ

กสทช. เดินสายพบสื่อมวลชนภาคตะวันออก ประชาสัมพันธ์เรื่องการลงทะเบียนผู้ใช้บริการด้วยระบบตรวจสอบอัตลักษณ์

นายศุภกาญจน์ บุญจันทร์ รักษาการผู้อำนวยการส่วนงานเลขหมายสำหรับประกอบกิจการโทรคมนาคม สำนัก บริหารและจัดการเลขหมายโทรคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงาน กสทช. ได้ออกประกาศและแจ้งไปยังผู้ให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ทุกรายให้จัดทำระบบการลงทะเบียนผู้ใช้บริการด้วยระบบการตรวจสอบอัตลักษณ์ ทั้งการ ตรวจสอบใบหน้า (face recognition) หรือสแกนลายนิ้วมือ (finger print) โดย กำหนดให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2560 โดยเริ่มให้บริการลงทะเบียนเฉพาะระบบเติมเงินด้วยวิธีอัตลักษณ์ ณ ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่ทั่วประเทศ และในวันที่ 1 ก.พ. 2561 เริ่มให้บริการลงทะเบียนด้วยวิธีอัตลักษณ์ ทั้งระบบเติมเงินและระบบ รายเดือน ณ จุดให้บริการทั้งหมดกว่า 55,000 จุดทั่วประเทศ ตัวแทนจำหน่าย และลูกตู้ เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ

นายศุภกาญจน์ บุญจันทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ค่าย ประกอบด้วย AIS DTAC TRUE TOT และ CAT ร่วมกับสำนักงาน กสทช. สาธิตการลงทะเบียนซิมด้วยระบบการตรวจสอบอัตลักษณ์ ทั้งวิธี ตรวจสอบลายนิ้วมือและตรวจสอบใบหน้า เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจในขั้นตอนการลงทะเบียนว่า ง่าย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย โดยขั้นตอนแบ่งเป็น 1. ใช้บัตรประชาชนฉบับจริงอ่านในเครื่องอ่านบัตร (card reader) และ 2. ทำการตรวจสอบใบหน้าจากการถ่ายภาพหรือตรวจสอบลายนิ้วมือ โดยหากข้อมูลอัตลักษณ์ของผู้ซื้อซิมการ์ดใหม่ ตรงกับ ข้อมูลในบัตรประชาชน จะสามารถ ลงทะเบียนและเปิดใช้งานซิมการ์ดได้

“การลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยวิธี 2 แชะอัตลักษณ์ จะปกป้องผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ป้องกันการปลอมแปลงการลงทะเบียนซิมการ์ด โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินโดยใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น ระบบ Prompt Pay ที่ต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือเป็นเลขอ้างอิง หรือการแอบอ้างนำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปลงทะเบียน ซิมการ์ดและนำไปใช้ในทางมิชอบ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ถูกแอบอ้าง โดยจะมีการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลก่อนการ ลงทะเบียนและเปิดใช้งาน ซึ่งข้อมูลของท่านจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยโดยจะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลลายนิ้วมือและ ข้อมูลบัตรประชาชนไว้ที่จุดบริการ ผู้ที่ซื้อซิมการ์ดใหม่ทั้งแบบเติมเงินและแบบรายเดือนที่ผ่านการตรวจสอบอัตลักษณ์ แล้วระบบจะทำการลงทะเบียน โดยส่งข้อมูลตรงไปยังฐานข้อมูลกลางเพื่อเปิดใช้งานซิมการ์ดและจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ บริการทันที โดยผู้ให้บริการมีหน้าที่ดูแลและเก็บรักษาข้อมูล ตามกฎหมาย” นายศุภกาญจน์กล่าวในที่สุด

กสทช. เปิดตัวแอปพลิเคชัน “3 ชั้น” ป้องกันลักลอบนำบัตรประชาชนเปิดเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเจ้าของไม่รู้ตัว

กสทช. เปิดตัวแอปพลิเคชัน “3 ชั้น” ป้องกันลักลอบนำบัตรประชาชนเปิดเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเจ้าของไม่รู้ตัว

เมื่อเวลา 11.00 น ของวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ที่ ร้านกาแฟ The Sweeteners ซอย.เขาตาโล ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นางสาวจิตสถา ศรีประเสริฐสุข ผู้อำนวยการสำนักบริหารและจัดการเลขหมายโทรคมนาคม เปิดการแถลงข่าว แอปพลิเคชัน “3 ชั้น” ป้องกันลักลอบนำบัตรประชาชนเปิดเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเจ้าของไม่รู้ตัว ได้กล่าว่าวในปัจจุบันมีผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมทั้งสิ้นกว่า 120 ล้านเลขหมาย และผู้ใช้บริการบางรายอาจใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เลขหมาย รวมทั้งมี การใช้แอปพลิเคชันผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้นในการทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ ซึ่งต้องใช้เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่อ้างอิงในการใช้งาน ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และป้องกันการลักลอบนำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนเปิดใช้งานโดยเราไม่รู้ตัว สำนักงาน กสทช. จึงได้จัดทำแอปพลิเคชันในชื่อว่า “3 ชั้น” เพื่อทำการ “ตรวจ” “แจ้ง” และ “ล็อค” โดยผู้ใช้บริการทั้งระบบรายเดือนและระบบเติมเงิน สามารถดาวน์โหลดผ่าน https://3steps.nbtc.go.th หรือพิมพ์คำว่า “3 ชั้น” ผ่าน Google Play หรือ Play Store และสมัครใช้งานแอปพลิเคชันได้ที่ศูนย์ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย โดยเลือกสมัครเพียงค่ายนั้นที่ท่านใช้งานอยู่เพียงค่ายเดียวเท่านั้น แอปพลิเคชันนี้เป็นการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่จึงมีความจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนก่อนการใช้ แอปพลิเคชันผ่านศูนย์ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัย จึงทำให้ประชาชนบางส่วนมองว่ายุ่งยาก และอาจเกิดความลังเลในการเริ่มใช้งาน แต่เมื่อใช้งานแอปพลิเคชันนี้แล้วจะสามารถป้องกันผู้อื่นนำบัตรประชาชน ไปเปิดเบอร์โทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว

สำหรับขั้นตอนการใช้งาน แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1. ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถตรวจเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้ในชื่อคุณภายใน 1 คลิ๊ก โดยระบบจะตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนในชื่อของคุณจากฐานข้อมูลของทุกค่าย 2. แจ้งระงับเบอร์แปลกปลอมที่ลงทะเบียนในชื่อของคุณ หรือเบอร์ของคุณที่ขาดหายไป ก่อนยืนยันตัวตนที่ศูนย์ให้บริการ และ 3. ผู้ใช้บริการสามารถล็อคและปลดล็อคการเปิดเบอร์โทรศัพท์ใหม่ด้วยตัวคุณเอง เพื่อป้องกันผู้อื่นนำบัตรประชาชนของคุณไปแอบอ้างการเปิดเบอร์ใหม่ และเมื่อคุณต้องการเปิดเบอร์ใหม่ก็สามารถทำการปลดล็อคจากแอพพลิชันได้ด้วยตัวเอง

“ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 3 ชั้น ได้ตั้งแต่วันนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์หลัก สำนักงาน กสทช. ต้องการให้ประชาชนมีเครื่องมือของตัวเองในการตรวจสอบ และปกป้องตัวเองจากการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยดำเนินงานร่วมกันกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแล และการให้บริการประชาชนในยุคดิจิทัล ที่สามารถนำข้อมูลของผู้ใช้บริการที่กระจายอยู่กับทุกค่ายมาบูรณาการเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเป็นเครื่องมือในการ ตรวจ แจ้ง ล็อค ให้กับประชาชน

สองโจรขี้เมาสุดเหิมดักใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์หนุ่มหน้าอพาร์ทเม้นท์ หนีลอยนวล

สองโจรขี้เมาสุดเหิมดักใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์หนุ่มหน้าอพาร์ทเม้นท์ พร้อมประกาศศักดา ชื่อ”กบ” ใครก็รู้จัก ก่อนได้ทรัพย์สินหลบหนีลอยนวล
พัทยา-(14 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.วิษณุ ไชยสุวรรณ รองสวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุจี้ชิงทรัพย์ เหตุเกิดที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง เลขที่ 489/35 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและนำกำลังสายตรวจรีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ทเม้นท์ไม่มีชื่อสูง 3 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยค่อนข้างเปลี่ยว พบผู้เสียหายคือนายอนันท์ เพชรทอง อายุ 21 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในอาการหวาดกลัว ว่าในขณะที่กำลังจะออกไปรับประทานอาหาร ได้เดินลงจากห้องพักเพื่อมาเอารถที่จอดอยู่ด้านหน้าอพาร์ทเม้น ได้มีชายวัยรุ่น 2 คนนั่งดักรออยู่ด้านหน้า สภาพมึนเมากลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้ง ชักอาวุธมีดออกมาขู่พร้อมบังคับให้ส่งทรัพย์สินทั้งหมดให้ ด้วยความกลัวจึงรีบส่งเงินสดจำนวน 600 บาท และโทรศัพท์ 1 เครื่องให้ไป

หลังจากคนร้ายทั้งสองได้ทรัพย์สินตามต้องการ ก็ได้ข่มขู่อีกว่าหากแจ้งตำรวจจะทำร้าย พร้อมประกาศศักดาว่าตนเองนั้นชื่อ “กบ” ใครๆ ก็รู้จัก แล้วคนร้ายสองคนก็ได้เดินโซซัดโซเซไปขึ้นรถจักรยานยนต์แบบออโตเมติก สีชมพู ขับขี่ออกไปอย่างใจเย็น ด้วยความกลัวว่าคนร้ายจะย้อนกลับมาทำร้ายร่างกายจึงรีบเดินกลับขึ้นห้องพัก ก่อนตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับคนร้ายตามรูปพรรณสัณฐานที่ นายอนันท์ (ผู้เสียหาย) แจ้งไว้ แต่ก็ยังไร้วี่แวว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาแบะแสพร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick