พัทยา-(31 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.อ.จักร์ทิพย์ พารากุล ผกก.สภ.บางละมุง พ.ต.ท.อภิชนัน วัฒนวรางกูร รอง.ผกก.สืบสวน ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายณราย หรืออ๊อด สำเนียงเพราะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 ม.1 ต.หนองขาม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมของกลาง รถจยย.ซุซุกิ อาร์ซี สีเขียว ทะเบียน ขธท-23 ชลบุรี โดยมี นายบุญเสริม ตินตระบุระ อายุ 53 ปี เป็นผู้เสียหายยืนยันชี้ตัว
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 8 ส.ค.59 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง รับแจ้งเหตุ คนร้ายลักรถจยย. ที่จอดอยู่ภายในบ้านเลขที่ 58/1 ม.1 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งบ้านหลังเกิดเหตุได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ทำให้บันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุไว้ได้ ลักษณะเป็น ชายไทย รูปร่างท้วม ผมเกรียน อายุประมาณ 30 ปี เดินเปิดรั้วบ้านเข้ามาลักรถจยย.ของกลางเวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสืบสวนขยายผลทำให้ทราบว่า ผู้ต้องสงสัยคือ นายณราย หรืออ๊อด พักอยู่ในพื้นที่ ต.หนองขาม จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้โดยละม่อม จากการสอบสวนให้การรับสารภาพว่า บุคคลตามภาพวงจรปิดคือตนเอง และได้ก่อเหตุลักรถจยย.คันดังกล่าวจริง พร้อมกับนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับของกลางที่จอดทิ้งไว้บริเวณใต้สะพานลอยวัดบางละมุง จากนี้ ยังพบว่า นายณราย หรืออ๊อด เคยต้องโทษในคดีลักษณะเดียวกันและเพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 59 ที่ผ่านมา
เบื้องต้น ได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานเวลากลางคืน หรือรับของโจร พร้อมส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ อยากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนชาวบ้าน ให้เก็บกุญแจรถ และล็อครถจยย.ให้เรียบร้อย รวมถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิดในที่พักอาศัย เพื่อเป็นการป้องกันภัยจากโจรขโมยและมิจฉาชีพต่อไป
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(29 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.ท.ประสิทธิบุญ บุญประสิทธิ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีตำรวจจราจรใต้บังคับบัญชา ประสบอุบัติเหตุถูกชาวต่างชาติขับรถ จยย.ชนจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าร้านแฟมิลี่มาร์ท ใกล้เคียงวงเวียนปลาโลมา พัทยาเหนือ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบร่าง ด.ต.สมศรี สีมา ผบ.หมู่งานจราจร สภ.เมืองพัทยา นอนกองอยู่ที่พื้นถนน สภาพไหปลาร้าซ้ายหัก มีร่องรอยถลอกตามร่างกายได้รับบาดเจ็บ จึงช่วยกันพยุงร่างไปข้างทางพร้อมกับปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่ง รพ.กรุงเทพพัทยา ใกล้กันพบพลเมืองดีกำลังช่วยกันควบคุมตัวชายชาวคูเวตจำนวน 2 คน ที่ก่อเหตุขับรถ จยย.ชน ด.ต.สมศรี จนบาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมาคือ Mr.Mohammad Dhaifallah Abaullah Alfadhli อายุ 19 ปี กับ Mr.Badr H.A.Y. Alahmad Student อายุ 19 ปีเท่ากัน พร้อมกับยึดรถ จยย.ไว้ได้จำนวน 2 คัน
จากการสอบถาม ร.ต.ต.วรพันธุ์ แก้วมรกต รอง สว.จร. เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณป้อม สี่แยกถนนพัทยาใต้ตัดถนนพัทยาสาย 2 จู่ๆ มีชาวตะวันออกกลางจำนวน 3 คน ขับรถ จยย.ลักษณะแต่งซิ่งท่อเสียงดังผ่านมา หนึ่งในนั้นทำทีขับเฉียดเข้ามาจอดใกล้ๆ แล้วบิดคันเร่งเบิ้ลเครื่องจนเสียงดังสนั่น พร้อมกับหันหน้ามามองคล้ายท้าทาย โดยมีเพื่อนอีก 2 คน จอดรถรอดูเหตุการณ์อยู่ไม่ห่าง พอตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบทั้งหมดกลับเร่งเครื่องขับออกไปเหมือนจะหลบหนี แต่ก็ยังชะลอรถเพื่อให้ตำรวจตามมา ตนจึงคว้ามอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ทเครื่องขับไล่ตาม กลุ่มวัยรุ่นชาวตะวันออกดังกล่าวเลยวิ่งหนีซิกแซกไปตามซอกซอย ก่อนที่จะพากันแยกไปคนละทาง ทำให้ติดตามได้ยาก ประกอบกับทั้งหมดขับรถด้วยความเร็วสูง เกรงว่าชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องจะได้รับอันตราย จึงตัดสินใจวิทยุแจ้งให้ตำรวจและอาสาที่อยู่ใกล้เคียงช่วยกันสกัดจับ
ต่อมา ด.ต.สมศรี สีมา ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ป้อมตำรวจบริเวณวงเวียนปลาโลมา พัทยาเหนือ เห็นทั้ง 3 คน ขับรถ จยย.ผ่านมา จึงกระโดดเข้าไปขวางเพื่อจับกุม เลยถูก Mr.Mohammad Dhaifallah Abaullah Alfadhli ขับรถพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ถูกพลเมืองดีที่อยู่ในละแวกนั้นช่วยกันรุมจับตัวไว้ได้พร้อมกับ Mr.Badr H.A.Y. Alahmad Student เพื่อนร่วมแว๊นซ์ ส่วนอีกคนอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปได้
ภายหลังตำรวจคุมตัวมาสอบสวนแต่ทั้งคู่ไม่ยอมให้การใดๆ ซ้ำยังแสดงอาการท่าทางยียวนเหมือนไม่สำนึกผิด เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาขับรถประมาทหวาดเสียวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกาย หากสอบสวนแล้วพบว่าตั้งใจชนตำรวจ ก็จะได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่าต่อไป
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(28 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.อ.สมบัติ แก้วมูลมุข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุจี้ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เหตุเกิดขึ้นที่ซอย 9 ถนนชายหาดเมืองพัทยา บริเวณหลัง สภ.เมืองพัทยา ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ธุรกิจเครื่องหนัง ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หลังจากที่ตนเองและเพื่อนได้รับประทานอาหารจากร้านอาหารไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุได้เดินเข้าซอยดังกล่าว ถูกสองสาวขับขี่ จยย.ใช้อาวุธมีดจี้แล้วชิงทรัพย์สินเป็นเงินไทย 7,000 บาท เงินต่างประเทศ 2,000 รูปี เงินต่างประเทศ 200 ดอนล่าสหรัฐ และเอกสารสำคัญหลายรายการ แล้วขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับตามเส้นทางที่คนร้ายจะหลบหนีผ่านไป แต่ก็ไม่พบร่องรอย จึงได้ประสายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสคนร้ายแต่ก็ยังไร้วี่แวว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวคนร้านมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยา-(26 ส.ค. 59) พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ร่วมแถลงข่าวจับกุมแก๊งหญิงเวียดนามล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบด้วย MS.NGUYEN THI DUYEN สัญชาติเวียดนาม อายุ 40 ปี , MS.NGUYEN THI THUAN สัญชาติเวียดนาม อายุ 56 ปี และ MS.CHU THI CHIEN สัญชาติเวียดนาม อายุ 59 ปี
พร้อมของกลาง ธนบัตรสกุลเงินไทย รวม 30,730 บาท ธนบัตรสกุลเงินยูเอสดอลล่า รวม 220 ดอลล่า ธนบัตรสกุลเงินเวียตนาม รวม 2,682,000 ดอง ธนบัตรสกุลเงินจีน รวม 145 หยวน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง และกระเป๋าสตางค์และเอกสารสำคัญอีกหลายรายการ
พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 19:10 น. ของวันที่ 25 ส.ค. 59 ได้รับแจ้งจาก MS.ZHENG JIANPING อายุ 56 ปี สัญชาติจีน ผู้เสียหายว่า ขณะที่กำลังท่องเที่ยวอยู่บริเวณลานน้ำพุ โคลอสเซี่ยมโชว์พัทยา ถ.เทพประสิทธิ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้ถูกหญิงต่างชาติ 3 คน ที่ทำทีเป็นนักท่องเที่ยว มายืนถ่ายรูปอยู่ติดกับตน และได้ร่วมกันลักเอากระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของตนไปหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด จึงพบภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะที่ผู้ต้องหากำลังก่อเหตุไว้ได้โดยมีการแบ่งหน้าที่กันขณะที่ก่อเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันออกตรวจสอบจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้ง 3 ราย และนำตัวไปตรวจค้นห้องพักที่โรงแรมทาวร์อินทาวร์ พัทยากลางฯ ห้อง 321 เพื่อติดตามทรัพย์สินของกลางที่ได้จากการกระทำผิด โดยมีผู้เสียหายชี้ยืนยันให้ทำการจับกุมตัว
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุดังกล่าวจริง ซึ่งเพิ่งจะก่อเหตุเป็นครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือ รับของโจร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(22 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมด้วย ร.ต.อ.อาคม วงสามารถ รอง สวป. และกำลังตำรวจชุดปราบปรามพิเศษ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายวิทยา พงษ์เขียว หรือกอล์ฟ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 6 ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี อาชีพขายน้ำชาชักในตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ 6.41.กรัม และยาบ้า 423 เม็ด ซึ่งจับกุมได้ที่บริเวณหน้าตลาดน้ำ 4 ภาคเมืองพัทยา
พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหาว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านตรวจได้จับนักเสพชายวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งตรวจฉี่เป็นสีม่วง ให้การว่าได้ซื้อยาบ้ามาจากนายวิทยา ซึ่งยึดอาชีพเป็นพ่อค้าชายชาชักในตลาดน้ำ 4 ภาคมาเสพอยู่เป็นประจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้สายลับติดต่อขอซื้อยาบ้าจำนวน 5 เม็ด เมื่อถึงเวลานัดหมายนายวิทยา เดินออกมาที่บริเวณหน้าตลาดพร้อมกับยื่นยาบ้าให้กับสายลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่ใกล้เคียงจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนที่จะพาไปค้นบ้านพักพบยาบ้าและยาไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง
นายวิทยา พงษ์เขียว ให้การรับสารภาพว่า ปกติตนมีอาชีพขายชาชักในตลาดน้ำ 4 ภาค แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองพัทยา แต่มาระยะหลังเศรษฐกิจไม่ดีนัก จึงหันมาค้ายาเสพติด โดยไปรับยาบ้ามาจากนายต่อ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง มาจำหน่ายในราคาเม็ดละ150 บาทส่วนยาไอซ์กรัมละ 1,400 บาท ซึ่งกำไรจากขายยาเสพติดนำไปเลี้ยงดูบิดาซึ่งพิการทางตาและกำลังรวบรวมเป็นเงินดาวน์บ้านหลังใหม่ให้กับบิดามารดา เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณ แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน
ภายหลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งตัวดำเนินคดีต่อไป
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยา-(22 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 20.30 น. พ.ต.ท.จีระศักดิ์ แอบแฝง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกันมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบนสะพานต่างระดับโป่ง ม.7 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพนายสุพรรณ พนม อายุ 40 ปี พนักงานช่างตัดเย็บเสื้อผ้า นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ในสภาพแขนขาหัก น่าสยดสยอง โดยมี น.ส.ปรางทิพย์ หัสรสา อายุ 36 ปี แฟนสาว ยืนร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเศร้าโศก ปานจะขาดใจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องพาไปนั่งสงบสติอารมณ์ข้าง พร้อมทั้งนำผ้าคลุมร่างผู้เสียชีวิตกันเป็นที่อุจาดตา
จากการสอบถาม น.ส.ซเบตา อายุ 35 ปี อาชีพแม่ค้าขายโรตี เล่าว่าในขณะที่ตนเองขับลากรถพ่วงข้างขึ้นสะพาน ได้มีจยย.ของผู้ตายขับแซงมาด้านขวาและเฉี่ยวชนกับตนเอง จนล้มคว่ำก่อนจะมีรถยนต์กระบะวิ่งส่วนทางมาชนเข้าอย่างจังแล้วขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ น.ส.ปรางทิพย์ แฟนสาวผู้ตาย เล่าว่า นายสุพรรณ เป็นคนดีและขยันมากจะทำโอทีกลับมืดค่ำทุกวัน ซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายเลิกงานและกำลังซื้อกับข้าวมาฝากหวังจะรับประทานมื้อค่ำร่วมกับครอบครัว แต่เคราะห์ร้ายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเสียก่อน
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยา-(23 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 03.00 น. ร.ต.อ.ศักดิ์ชาย จันลา รองสวป. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทและมีการใช้อาวุธทำร้ายกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณปากซอย 6 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบสาววัยรุ่นเกือบ 20 คน แบ่งข้างเป็นสองฝั่ง กำลังยืนส่งเสียงเอะอะโวยวายกันอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ตรวจสอบพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือ น.ส.จันทนิภา กู้เขียว อายุ 22 ปี พนักงานสาวอะโกโก้แห่งหนึ่งของเมืองพัทยา เลือดท่วมตัว สภาพใบหน้าปูดบวม มีบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าที่คิ้ว หน้าผากและแขนทั้งสองข้าง ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่ง รพ.บางละมุง ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ น.ส.กรรณิการ์ มิ่งขวัญ อายุ 20 ปี พนักงานสาวอะโกโก้ร้านเดียวกัน ไม่ได้หลบหนีไปไหน โดยในมือข้างขวาถือขวดเบียร์ที่แตกเป็นปากฉลาม ตำรวจจึงควบคุมตัว พร้อมยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม ผู้บาดเจ็บ ให้การว่า ระหว่างทำงานเต้นโคโยตี้ อยู่ที่ร้านอะโกโก้ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งมาทำงานเป็นวันแรกเมาสุรา เต้นระบำตามจังหวะเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เท้าของผู้ก่อเหตุจะยกเท้าใส่ลักษณะเยาะเย้ย ไม่ทราบสาเหตุอะไร เธอจึงเดินเข้าไปถามว่า “มีปัญหาอะไรไหม” จากนั้นก็เริ่มมีปากเสียงอย่างรุนแรง ต่อมาก็ได้นัดมาเคลียร์ปัญหากันนอกร้านบริเวณจุดเกิดเหตุ เมื่อถึงเวลา ผู้ก่อเหตุ ก็ไม่ได้พูดจาอะไรคว้าขวดเบียร์ที่พกติดตัวมาด้วย ฟาดเข้าที่ศีรษะ 1 ครั้ง จนขวดเบียร์แตกแล้วใช้ปากฉลามแทงเข้าที่ใบหน้าและแขนจำนวนหลาย 10 แผล ก่อนจะมีพลเมืองดีช่วยกันห้ามปรามและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ
ภายหลังสอบสวนเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุ ปฏิเสธว่า เธอไม่มีเจตนาเต้นยกเท้าใส่ ผู้บาดเจ็บ โดยยืนยันว่า ผู้บาดเจ็บ เป็นคนเข้ามาหาเรื่องแล้วคิดไปเอง ก่อนที่ตัวเธอจะถูกกระชากออกมาจากนอกร้านแล้วโดนทำร้าย จึงใช้ขวดเบียร์ที่กินอยู่ถือติดออกมาด้วยทำร้ายคืนเพื่อเป็นการป้องกันตัว เพราะว่าระหว่างเกิดเหตุได้มีบรรดาเพื่อนๆ ผู้บาดเจ็บ พยายามเข้ามาทำร้ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว ผู้ก่อเหตุ ไปสอบสวนดำเนินคดีของกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยา-(20 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 01.00 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับการประสานงานจากกรมจัดหางานจังหวัดชลบุรี ว่าสถานประกอบการจำนวน 4 แห่ง ของถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ มีการลักลอบจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จึงสั่งการให้ เรืออากาศโท ภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม สนธิกำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจ ดำเนินการตรวจสอบ
จากการตรวจสอบร้านอาหารเจ๊หน่อย ซีฟู๊ด สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้จำนวน 3 คน ทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กและคนล้างจาน โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ศรีนาคร อายุ 38 ปี แสดงตัวเป็นผู้ว่าจ้าง ส่วนสถานประกอบการเป้าหมายที่เหลือจำนวน 3 ร้าน ประกอบด้วย ร้านทัวรัส ผับ พัทยา ร้าน 808 ไนต์คลับ พัทยา และร้านรัสเซียคาบาร์เลย์โชว์ ตรวจสอบไม่พบการกระทำความผิดใด เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวและผู้ว่าจ้าง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดี
ภาพ/ข่าว Ku Salick
พัทยา-(20 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยาร่วมตรวจสอบผู้เสียชีวิต ภายในห้องพัก ลิทเทิ้นคอร์ท เลขที่ 285/18 ม.9 ซ.บัวขาว ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าสูง 5 ชั้น ภายในห้องเลขที่ 666 ชั้นดาดฟ้าที่ดัดแปลงทำห้องเช่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบศพสาวประเภทสอง ไม่ทราบชื่อสกุล อยู่บริเวณใต้เตียงนอน ลักษณะขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุได้ว่าถูกฆ่ารัดคอ หรือถูกตีด้วยของแข็งที่บริเวณศีรษะ เนื่องจากสภาพศพเสียชีวิตมามากกว่า 3 วัน ต้องส่งสถาบันนิติเวชชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง
จากการสอบสวนพยานแวดล้อมทราบว่า ห้องที่เกิดเหตุมีชาย 2 คน มาเช็คอินเข้าพักตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนชื่อที่ใช้ในการเข้าพัก เจ้าหน้าที่ขอไม่เปิดเผยเพราะเกรงจะเสียรูปคดี จากนั้นในวันที่ 18 เวลาประมาณ 01.35 น.ชายทั้ง 2 ได้พาสาวประเภทสองมาพักที่ห้อง และชายทั้ง 2 คน ได้ออกเช็คเอาท์จากห้องพักไปวันที่ 18 ส.ค. เวลาประมาณ 9.00 น.
ต่อมาในวันที่ 19 ส.ค.59 เวลาประมาณ 17.30 น. ได้มีชายหญิงมาใช้บริการห้องพักห้องพักดังกล่าว และขอให้พนักงานเอาสเปร์ยน้ำหอมไปฉีด เนื่องจากในห้องมีกลิ่นเหม็นเล็กน้อยแต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด จนกระทั่งช่วงเช้าวันที่ 20 ส.ค. แม่บ้านได้มาทำความสะอาดห้อง และพบว่าห้องมีกลิ่นเหม็นมากและมีเลือดไหลออกมาจากใต้เตียง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบจนพบศพผู้เสียชีวิตดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา เผยว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อและรูปพรรณผู้ต้องสงสัยที่มาเช่าห้องแล้ว พร้อมกับกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพชายทั้ง 2 ได้ แต่ขอไม่เปิดรายละเอียดมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวอยู่ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานสักระยะ คาดว่าคงได้ตัวมาในเร็วๆนี้ ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าอาจเกิดมาจากปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาของชายทั้ง2คน ที่พาสาวประเภทสองมาร่วมหลับนอนหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบโดยอย่างละเอียดอีกครั้ง
ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้
พัทยา-(16 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 03.00 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย เรืออากาศโท ภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม นำกำลังฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหารจากพัน 21 ร.2.รอ. และ ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบคาราโอเกะจำนวน 2 ร้าน ตั้งอยู่ภายในซอยเทพสิทธิ์ 8 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบค้าประเวณีและมั่วสุมยาเสพติด
จากการตรวจสอบร้านรู้ใจ คาราโอเกะ สามารถควบคุมตัวสาวพนักงานร้านไว้ได้ 9 คน และพนักงานชาย 1 คน รวมทั้งสิ้น 10 คน ส่วนร้านลั้ลลา คาราโอเกะ ซึ่งเปิดติดเยื้องกับร้านแรก พบสาวพนักงานร้านจำนวน 7 คน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจปัสสาวะ พบสาวพนักงานร้านมีสารเสพติดในร่างกายจำนวน 10 คน นอกจากนี้ยังได้ตรวจค้นห้องพักพนักงานพบอุปกรณ์การเสพยาไอซ์จำนวนมาก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ ระหว่างเจ้าหน้าที่ปูพรมตรวจค้นห้องพัก ปรากฏว่าไฟดับทั้งตึก ทำให้การตรวจค้นค่อนข้างลำบาก ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นผู้ไม่หวังดีลงมือกลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่ จากนั้นหัวหน้าชุดจึงแจ้งชุดจับกุมถอนกำลัง ก่อนส่งตัวผู้กระทำความผิดดำเนินคดี ในฐานความผิด “เตร็ดเตร่เพื่อการค้าประเวณี” ส่วนผู้มีสารเสพติดในร่างกาย ก็จะส่งเข้าสู่กระบวนการบำบัดสาธารณสุขต่อไป
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยาอัพเดทนิวส์ นำเสนอ ฉับไว เพื่อสังคม