พัทยา-(31 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 23.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพลอยปภัส เจริญอธิพัฒน์ อายุ 49 ปี เจ้าของร้านชาบูชื่อดังเมืองพัทยา อุ้มเจ้าเดซี่ สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล สีขาว เพศเมีย อายุ 10 ปี ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของชาวต่างชาติ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

โดย นางพลอยปภัส ได้เล่าว่า วันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าเดซี่ สุนัขแสนรักของเธอกำลังวิ่งเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านพักซอยเพนียดช้างตามปกติ จากนั้นชายชาวฟินแลนด์ ได้ใช้กระป๋องน้ำอัดลมปาใส่เจ้าเดซี่ จนหัวแตกและมีแผลฉกรรจ์ที่บริเวณสันหลัง ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเข้าไปสอบถามถึงสาเหตุ ชายต่างชาติก็ได้ทำท่าทีไม่พอใจ พร้อมกับยกมือชูของลับ และยังท้าทายให้ไปแจ้งความกับตำรวจอีกด้วย นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ชายต่างชาติคนดังกล่าว ซึ่งพักอยู่ชั้น 8 คอนโดมิเนียมติดกับบ้านพักของเธอ ก็มักจะโยนข้าวของลงมาบริเวณหน้าบ้านพักของเธออีกด้วย

ทั้งนี้ จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อร้องขอความเป็นธรรม เพื่อเอาผิดกับการกระทำกับชาวต่างชาติ โดยไม่ทราบสาเหตุในครั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนติดตามตัวชายต่างชาติคนดังกล่าวมาสอบปากคำพร้อมกับดำเนินคดีตามกฎหมาย

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(31 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 พ.ต.ต.ศรัณยพงศ์ ใหมทองกุญธร สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุ นักท่องเที่ยวถูกก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ เสียทรัพย์สินไปกว่าแสนบาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านนินจาหมูกระทะ ถนนพัทยาสายสาม พัทยาเหนือ-พัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบกำลังรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบนักท่องเที่ยวชาวจีนชื่อ นายซื่อ กว๋อ เหว่ย อายุ 43 ปี สัญชาติจีน เจ้าของอู่ต่อเรือแห่งหนึ่งของเมื่อเซี่ยงไฮ้ ของประเทศจีน ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมี นายสิรวิช โพธิ์แก้ว อายุ 25 ปี ไกด์เป็นล่ามแปลภาษา ว่าในขณะที่ตนพร้อมคณะทัวร์กำลังเดินข้ามถนนเพื่อมารับประทานอาหาร ได้มีชายวัยรุ่น 1 คนขับขี่จักรยานยนต์เข้า มาประกบก่อนกระชากสร้อยคอทองเคของ นายซื่อ กว๋อ เหว่ย มูลค่ากว่า 1แสนบาท ก่อนเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

เบื้องต้น ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี รองสว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อดูรูปพรรณสัณฐานผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

พัทยา-(29 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีชาวต่างชาติใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายสาวไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่ตัวเองจะกระโดดตึกลงมาเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดที่วิวทะเลคอนโดมิเนียม โครงการ 3 ซอย 6 ถนนพระตำหนัก พัทยาใต้ หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ออมสิน สุขการค้า หัวหน้างานสอบสวน พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. นำกำลังตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และตำรวจท่องเที่ยว พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าตึกบี พบร่างผู้บาดเจ็บเป็นหญิงไทยทราบชื่อ น.ส.นงคราญ สอนดี อายุ 29 ปี ชาว จ.สุรินทร์ สภาพถูกของมีคมแทงเข้าที่ลำคอและศีรษะจนเป็นแผลเหวอะหวะได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมี น.ส.ณัฐกานต์ เขตแวงควง อายุ 45 ปี เพื่อนสาวชาวไทยคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ หน่วยกู้ภัยจึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่ง รพ.พัทยาเมโมเรียล ส่วนที่พื้นหน้าบันไดทางขึ้นคอนโดฯ พบศพชายชาวต่างชาติทราบชื่อ Mr.Frode (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 40 ปี สัญชาตินอร์เวย์ นอนหงายเสียชีวิตอยู่ในสภาพแขน-ขาหัก ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาล ตามร่างกายมีแผลถลอกหลายแห่ง ค้นในตัวพบมีเข็มฉีดยา 1 ชุด

ถัดไปประมาณ 20 เมตร เจอมีดทำครัวเปื้อนเลือดตกอยู่ในพุ่มต้นดอกเข็ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ใกล้กันพบ Mr.Geir Uno Templet อายุ 35 ปี สัญชาตินอร์เวย์ เพื่อนของผู้ตาย ยืนร่ำไห้ด้วยความเสียใจ ก่อนพาขึ้นไปตรวจสอบบนห้องพักเลขที่ 441/159 ชั้น 10 ซึ่งเป็นห้องของ Mr.Geir พบมีร่องรอยการต่อสู้จนข้าวของแตกกระจายและมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ ส่วนบริเวณหลังห้องซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายกระโดดลงมา พบคราบเลือดเปื้อนอยู่ที่ราวระเบียง

จากการสอบสวน Mr.Geir ทราบว่า ได้ซื้อห้องดังกล่าวพักอาศัยอยู่นาน 2 ปีกว่าแล้ว ก่อนเกิดเหตุเมื่อกลางดึกคืนวานนี้ตนกับ Mr.Frode ผู้ตาย ได้เดินทางไปท่องราตรีที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านพัทยาใต้ ก่อนที่จะซื้อเวลา น.ส.นงคราญ (คู่ขา Mr.Geir) กับ น.ส.ณัฐกานต์ (คู่ขา Mr.Frode) สาวบาร์เบียร์ กลับมานั่งดื่มสุราต่อที่ห้อง กระทั่งรุ่งเช้าสุราหมดตนเลยลงมาซื้อ พอกลับขึ้นไปพบว่า น.ส.นงคราญ คู่ขาของตัวเองถูก Mr.Frode ใช้อาวุธมีดแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่ Mr.Frode จะปีนระเบียงแล้วกระโดดลงมาฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด ตนกับ น.ส.ณัฐกานต์ จึงพากันหอบหิ้วร่างคนเจ็บลงลิฟมายังชั้นล่างเพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะนำตัวส่ง รพ.พัทยาเมโมเรียล

ด้าน ร.ต.อ.สุพรรณ โสภี รองสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า จากการสอบสวน น.ส.ณัฐกานต์ เพื่อนคนเจ็บ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องนอน ได้ยินเสียง น.ส.นงคราญ ซึ่งอยู่ที่ห้องโถง ร้องขอความช่วยเหลือพร้อมกับบอกว่าถูก Mr.Frode ใช้อาวุธมีดแทง เลยรีบออกมาดู พบร่าง น.ส.นงคราญ นั่งอยู่ในสภาพโชกเลือด ระหว่างนั้น Mr.Geir กลับเข้ามาในห้องพอดี Mr.Frode จึงรีบวิ่งไปที่หลังห้องก่อนปีนระเบียงกระโดดออกไปจนร่างกระแทกพื้นเสียชีวิตคาที่ดังกล่าว

ส่วนสาเหตุที่ Mr.Frode ใช้อาวุธมีดแทง น.ส.นงคราญ เบื้องต้นไม่ทราบแน่ชัดว่ามาจากเรื่องอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจะได้ส่งศพผู้ตายไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้เจ้าหน้าที่สถานทูตให้รับทราบ และคงต้องรอให้อาการของ น.ส.นงคราญ ดีขึ้นเพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

จากกรณีที่มีคลิปวีดีโอเป็นหญิงสาวประเภทสองแต่งชุดราตรี ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนจับหน้าอกเพื่อแลกเงินพร้อมโพสต์ท่าถ่ายภาพ อย่างสนุกสนาน เป็นเวลายาวกว่า 1.30 นาที จนเป็นเป็นที่ฮือฮาในโลกสังคมออนไลน์ โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นกันจำนวนมากลักษณะแสดงไม่เหมาะสม

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันนี้ 25 พ.ค. พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จึงได้สืบสวนโดยร่วมกันตรวจสอบบุคคลที่ปรากฏเป็นคลิปดังกล่าว จนกระทั่งสืบทราบสถานที่เกิดเหตุเป็นห้องภัตตาคารอาหาร บนเรือสำราญ บริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้

สำหรับผู้ที่ปรากฏในคลิปเป็นสาวประเภทสองที่เต้นคาบาเรต์โชว์อยู่ภายในเรือภัตตาคาร ทราบชื่อคือนายบี (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี จึงได้เชิญตัวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงยังสถานีตำรวจ สภ.เมืองพัทยา

สอบถามนายบี (นามสมมุติ) ให้การรับสารภาพว่าได้เป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปดังกล่าวจริง ซึ่งปกติจะทำงานเต้นคาบาเรต์โชว์อยู่ในเรือภัตตาคาร เพื่อให้ความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวที่มารับประทานอาหาร ซึ่งไม่ได้มีการแต่งกายโป๊เปลือย หรือโชว์ลามกอนาจาร แต่อย่างใด แต่เนื่องจากในวันที่เกิดเหตุ หลังจากเต้นโชว์แล้ว นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาขอถ่ายภาพด้วยได้รบเร้า ขอจับหน้าอกตน ตนจึงยอมให้จับและนักท่องเที่ยวได้ให้เงินตน จำนวน 20 บาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้งข้อกล่าวหากับนายบี (นามสมมุติ) ในฐานความผิด “กระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย” ก่อนจะดำเนินการเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด เป็นจำนวน 5,000 บาท

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(24 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 23.00 น. พ.ต.ท.สมคิด เฮียงเสถียร สารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุรถตู้โดยสารพลิกคว่ำมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบนถนนสาย 36 หน้าสนามแข่งรถพีระเซอร์กิต พัทยา ฝั่งมุ่งหน้าเมืองพัทยา หมู่ 5 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ฯ พัทยารุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถตู้โดยสารยี่ห้อโตโยต้าคอมมิวเตอร์ สีบอร์น ทะเบียนป้ายเหลือง 30 223 บุรีรัมย์ ของบริษัท ประดับทัวร์ สภาพตะแคงอยู่ภายในร่องกลางถนนจากการตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 ราย เป็นชาย 5 รายหญิง 3 รายเป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียทั้งหมด มีอาการบาดเจ็บถลอกตามร่างกายและอยู่ในอาการตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยรีบรำเลียงส่งรพ.กรุงเทพ-พัทยา ส่วนคนขับได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึงเนื่องจากกลัวความผิด

จากการสอบถามนายโลกูนอฟ ดีมิทรี่ อายุ 25 ปี หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บเล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนพร้อมคณะทัวร์เดินทางมาจากเกาะช้าง จ.ตราด มุ่งหน้าเข้าเมืองพัทยา พอมาถึงจุดเกิดเหตุจู่รถเกิดส่ายไปมาโดยไม่ทราบสาเหตุจากนั้นรถพุ่งลงเกาะร่องกลางถนนพลิกตะแคง ส่วนคนขับหลังเกิดเหตุได้พยายามออกจากตัวรถแล้ววิ่งหลบหนีไป แล้วมีพลเมืองดีที่ผ่านมาเจอเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือตนพร้อมลุกทัวร์คนอื่นๆก่อนแจ้งเจ้ามาหน้าที่มาตรวจสอบ

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานก่อนติดตามโชว์เฟอร์รายนี้มาสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้หากพบว่าเกิดจากความประมาทจะต้องถูกดำเนินตามกฎหมายสบต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

พัทยา-(23 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.อ.อุดม ศรีมาตย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักชนกระบะตกร่องกลางถนน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขึ้นที่จุดกลับรถ บริเวณหน้าแคมป์ช้างพัทยา ถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าพัทยา ม.1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รุดตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนส์เทา ทะเบียน ฏค 1421 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ภายในรถพบ MR.SERGII KARVATSKYI อายุ 32 ปี นักธุรกิจอสังสาริมทรัพย์ เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่อยู่ในอาการคล้ายคนเมาสุรา นอกจากนี้ พบรถกระบะ ยี่ห้อ มาสด้า ไฟเตอร์ สีน้ำเงิน ทะเบียน บม 9053 ฉะเชิงเทรา สภาพถูกชนท้ายตกไปอยู่ในร่องกลางถนน

โดยมี นายพงษ์เทพ อ่อนรอด อายุ 42 ปี คนขับ และเพื่อนนั่งโดยสารมาด้วย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งในเบื้องต้นให้การว่า หลังจากรับประทานอาหารเสร็จกำลังเดินทางกลับบ้านพัก ระหว่างที่กำลังยูเทิร์น จุดกลับรถจุดเกิดเหตุ จากนั้นได้มีรถเก๋งคู่กรณี ซึ่งมีชายชาวต่างชาติขับขี่พุ่งชนท้ายอย่างจัง ทำให้ควบคุมรถไม่ได้เลยเสียหลักตกลงไปอยู่ร่องกลางถนนสภาพดังกล่าว

ด้าน นายพิพัฒน์ วงจิตร อายุ 38 ปี รปภ.คอนโดมิเนียม เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุชายต่างชาติผู้ขับขี่รถยนต์เก๋ง ได้เดินทางมาดื่มสังสรรค์กับเพื่อนที่คอนโดตรงข้ามโรงละครอลังการ หลังจากนั้นทางเพื่อนเห็นว่าต่างชาติคนขับรถเก๋งเมาสุราเป็นอย่างมาก เลยสั่งให้ตนขับรถไปส่งที่บ้านแทน แต่ทางต่างชาติคนดังกล่าวไม่ยอมและขอขับรถกลับบ้านเอง ด้วยความเป็นห่วงเลยขับรถตามแบบห่างๆ แต่สุดท้ายไปไม่ถึงบ้านขับพุ่งชนท้ายกระบะดังกล่าว

ภายหลังเกิดเหตุ จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวชายต่างชาติผู้ขับขี่รถเก๋ง ไปตรวจวัดค่าแอลกอฮอล์ในร่างกาย ว่าเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ก่อนจะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พัทยา-(22 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผกก.สส.สภ.นาจอมเทียน ช่วยราชการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ภ.จว.ชลบุรี หรือ ศปอช. พร้อมกำลังตำรวจ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายมนัสนันท์ หรือหนิง ศรีบาล อายุ 32 ปี ชาว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นายเอกพันธุ์ หรือเกรซ ภูสระไสย์ อายุ 23 ปี ชาว อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ และนายนัฐตพงษ์ หรือนก ดวงศรี อายุ 27 ปี ชาว อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี 3 สาวประเภทสอง ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมี นายซามัน กุมารา (Mr.Saman Kumara) อายุ 28 ปี ผู้เสียหายชาวศรีลังกา ชี้ให้จับกุม

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีคดีสาวประเภทสองก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ไปเดินเล่นอยู่บริเวณริมชายหาดเมืองพัทยาอยู่เป็นประจำ ทาง พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี จึงสั่งการให้ตำรวจ ศปอช.ภ.จว.ชลบุรี และ สภ.เมืองพัทยา ร่วมกันออกหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย เพราะกรณีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว

กระทั่งกลางดึกวันนี้ (22 พ.ค.) ตำรวจจึงวางกำลังสายลับเฝ้าสังเกตการณ์พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอพฤติกรรมต้องสงสัย อยู่บริเวณริมชายหาดพัทยา ตรงข้ามซอย 13 ย่านพัทยาใต้ ในเวลาต่อมาพบผู้ต้องหาสาวประเภทสองทั้ง 3 คน กำลังทำทีเข้าไปรุมโอบกอด นายซามัน กุมารา นักท่องเที่ยวชาวศรีลังกา ก่อนที่นายเอกพันธุ์ หรือเกรซ จะแอบปลดสร้อยคอทองเคพร้อมจี้ น้ำหนัก 6.9 กรัม ที่ นายซามัน กุมารา สวมใส่อยู่ และกำลังจะพากันหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่ใกล้เคียงจึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางดังกล่าว

และได้ควบคุมตัวทั้ง 3 คนมาสอบสวนที่ สภ.เมืองพัทยา ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เคยร่วมกันก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง เพื่อนำเงินไปปรนเปรอผู้ชายและเล่นการพนัน เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

แชร์สนั่นคลิปพ่อค้าน้ำส้มคั้นพัทยาหัวใส ผสมน้ำประปากับเชื้อน้ำส้ม ขายนักท่องเที่ยว ด้านผู้ค้ารายอื่นโวยเดือดสร้างความเสื่อมเสียแก่อาชีพและภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว

จากกรณี แชร์สนั่นโลกโซเซียลในเฟสบุ๊คชื่อ “จันทรภร จี๊ดเจริญ” ระบุใจความว่า “มาที่ท่าเรือเพื่อข้ามไปเกาะล้าน ที่จอดรถ บังเอิญเห็นคนเห็นแก่ตัว #เสื่อม น้ำส้มคั้นเป็นขวดๆ คือมึงเอาขวดกอกน้ำประปา แล้วเอาหัวเชื้อน้ำส้มใส่ และเขย่า…” ก่อนที่เพจ “เรารักพัทยา” นำวีดีโอของจันทรภร จี๊ดเจริญมาแชร์ต่อ “เขาว่าพัทยา แถวมาท่าเรือเพื่อข้ามไปเกาะล้าน ขายน้ำส้มกอกน้ำประปาใส่ขวด เติมหัวเชื้อน้ำส้มเขย่า แล้วก็ขายขวดละ 20 บาท” จนมีคนเข้าไปชมและคอมเม้นท์แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก

เมื่อเวลา 14.30 น. ของวันที่ 21 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ บริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยว (แหลมบาลีฮาย) เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือข้ามไปยังเกาะล้าน และพบบริเวณที่คนถ่ายคลิประบุซึ่งเป็นบริเวณหน้าร้านอาหารอิตาเลียนที่ปิดบริการไปแล้ว จากตรวจสอบยังพบฝาขวดพลาสติกตกอยู่ แต่ไม่พบผู้ชายคนได้ภาพตามที่ปรากฏในวีดีโอ

ด้าน ป้ากอง ครุฑจร อายุ 52 ปี แม่ค้าขายไก่ทอดตรงจุดที่ถ่ายคลิปเล่าว่า เห็นผู้ชายตามภาพในคลิปเป็นประจำปกติจะมาแล้ว แต่วันนี้ยังไม่เห็นเลย แต่ตนเองไม่ได้สนใจเพราะเห็นเพียงกำลังบรรจุน้ำส้มคั่นใส่ขวด จึงไม่ได้คิดเอะใจอะไร และไม่ทราบว่าใช้น้ำประปาในการผสมด้วย

ด้านนางราตรี เคารพครู อายุ 65 ปี แม่ค้าขายน้ำซึ่งก็ขายน้ำส้มคั้นด้วย เล่าว่า ไม่รู้เรื่องดังกล่าวแต่ตนเองบอกได้เลยว่าน้ำส้มคั้นของตนเองคั้นจากน้ำส้มแท้ และขายมานานไม่เคยทำแบบในวีดีโอที่นักท่องเที่ยวถ่ายได้ และให้สังเกตน้ำส้มของตนเองจะมีเนื้อของตัวส้ม และสีจะเข้มเมื่อชิมรสชาติแล้วจะรู้ว่าเป็นน้ำส้มคั้นแท้

ส่วนของ นางปรารอม โสอุดม อายุ 46 ปี แม่ค้าน้ำส้มที่ท่าเทียบเรือเช่นกัน พูดในลักษณะเดียวกันกับนางราตรี น้ำส้มจะต้องมีเนื้อส้มผสมอยู่ในขวด และสีจะเข้มเมื่อดื่มแล้วจะรู้ทันทีว่าเป็นน้ำส้มของแท้ ไม่ใช่เอาน้ำมาผสมกับตัวน้ำประปา ซึ่งวีดีโอดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียให้กับพวกตนที่เป็นแม่ค้าขายน้ำส้มคั้น นอกจากนี้ยังสร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพพจน์เมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเมืองพัทยา อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งจัดการกับชายคนในรูปวีดีโอให้เร็วที่สุด

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้