พัทยา-(4 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 01.00 น. ขณะที่ พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว อาสาสมัครชาวไทย และต่างชาติ ออกตรวจตราป้องกันเหตุกลุ่มมิจฉาชีพก่อเหตุล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดแนวถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี
เมื่อมาถึงบริเวณกลุ่มบาร์เบียร์ ข้างสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยาสังเกตพบ นายเอกพงศ์ แจ่มกมกมล อายุ 37 ปี กำลังเอางูเหลือม ขนาดยาวประมาณ 3 เมตร ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน ไปคล้องคอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกำลังนั่งดื่มกินอยู่ในร้าน โดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว แทบลำลักแอลกอฮอร์ พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจเพราะกลัวถูกงูกัด ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าจับกุมทันที
จาการสอบถาม นายเอกพงศ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้นำงูเหลือมตัวดังกล่าว ตระเวนตามแหล่งกลุ่มบาร์เบียร์ชายหาดเมืองพัทยาและถนนวอล์กกิ้งสตรีท ไปเสนอชาวต่างชาติถ่ายรูปคู่กับงูเหลือมเป็นที่ระลึกครั้งละ 150 บาท โดยส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวจะนำมาพาดที่คอ หรือไม่ก็ทำท่าใช้ปากจูบกับงูเหลือม สำหรับงูเหลือมตัวดังกล่าว ได้ซื้อและเลี้ยงมานานแล้ว เมื่องูเริ่มตัวใหญ่ก็นำมาเร่ถ่ายรูปดังกล่าว
ภายหลังสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจึงควบคุมตัว นายเอกพงศ์ ผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดี ส่วนงูเหลือมตัวดังกล่าวได้ไปยังส่งสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุงเพื่อดูแลรักษา
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
ตร.ท่องเที่ยวรุดตรวจสอบร้านสะดวกซื้อหลังคลิปเตะฝรั่งประจานว่อนเน็ต ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์เผยฝรั่งเมาไปต่อยเพื่อนแก๊งโจ๋เลยโดนตามมาเอาคืน สุดท้ายโดนรวบยกแก๊ง สุดท้ายเป็นเยาวชน
จากกรณีคลิปวัยรุ่นเล่นน้ำวันไหลพัทยารุมเตะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง จนมีการแชร์ต่ออย่างกว้างในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กอยู่ในขณะนี้ ซึ่งผู้เข้าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะมองว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศอย่างรุนแรง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 01.00 น. (21 เม.ย.) กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา นำโดย พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองปรือ รุดไปตรวจสอบร้านสะดวกซื้อโลตัส ซอยเขาตาโล เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมสอบถามข้อมูลจากพยานแวดล้อมเพื่อติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี
จากการสอบถามความเบื้องต้นจาก น.ส.กิ่งแก้ว มุ่งขอบกลาง อายุ 20 ปี หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเห็นฝรั่งคนดังกล่าวเดินเมามา ก่อนจะมีแก๊งวัยรุ่นตามมาเตะและทำร้ายร่างกาย โดยกลุ่มวัยรุ่นบอกว่าฝรั่งคนนี้ได้เมาสุราแล้วต่อยน้องชายของคนในกลุ่มจึงตามมาเอาคืน ก่อนแยกย้ายไปในที่สุด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับทราบข้อมูลว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว จึงกระจายกำลังเข้าติดตามจับกุมตัวได้ทั้งหมด 4 คนบริเวณข้างร้านค้าแห่งหนึ่งกลางซอยเขาตาโล ซึ่งพบว่าทั้ง 4 คนยังเป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี
โดยให้การยอมรับว่าลงมือก่อเหตุเพียง 2 คนเท่านั้น และวันเกิดเรื่องก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์แต่อย่างใด สาเหตุที่ทำไปเพราะไม่พอใจที่ฝรั่งมาทำร้ายน้องชาย ทำให้เกิดโมโหและบันดาลโทสะ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเด็กชายไปบันทึกประวัติก่อนติดต่อญาติมารับตัวกลับไปในที่สุด
ภาพ/ข่าว ศูนย์ข่าวโครมันยอง
พัทยา-(21 มี.ค. 59) เมื่อเวลา 21.30 น. พ.ต.อ.วิฑูร เหลืองอมรศักดิ์ ผกก.2 บก.ทท. พ.ต.ท.สถาพร สงวนสุข สว.งานสืบสวน กก.2 บก.ทท. พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ เอนสาร สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. พร้อมกำลังตำรวจสืบสวนท่องเที่ยวเมืองพัทยา ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนางประไพ คงสุวรรณ อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี ผู้ต้องหา คดีฉ้อโกงทรัพย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ จ.122/2555 ลงวันที่ 16สิงหาคม 2555
สืบเนื่องจาก วันที่ 18 พ.ค. 2554 ผู้ต้องหาได้ชักชวนนายคริสโตเฟอร์ จอนห์เบริด สัญชาติอังกฤษ ผู้เสียหาย ร่วมลงทุนเปิดบาร์เบียร์ ชื่อร้านเดอะเลิฟเวอร์บาร์เบียร์ ริมหาดละไม ต.มะเล็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยผู้เสียหาย จึงลงเชื่อตัดสินใจโอนเงินให้ผู้ต้องหา ผ่านธนาคารกสิกรไทย สาขาพัทยา จำนวนหลายครั้งรวมเป็นเงิน 1,500,000 บาท แต่เมื่อผู้ต้องหารับเงินทั้งหมดแล้ว กลับไม่ยอมเปิดบาร์ตามที่ตกลงไว้
ทั้งนี้ ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ และผู้ต้องหาถูกออกหมายจับในเวลาถัดมา จนกระทั่งวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย คดีฉ้อโกงทรัพย์ หลบหนีมากบดานและพักอาศัยอยู่หอพักแห่งหนึ่งย่านพัทยาใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำหมายจับเดินทางไปจับกุมได้ในที่สุด
เบื้องต้น นางประไพ ผู้ต้องหา ให้อ้างว่า ก่อนหน้านี้ เธอกับผู้เสียหายได้คบหากันมานานกว่า 10 ปี จึงได้จับมือร่วมกันลงทุนเปิดบาร์เบียร์ริมหาดละไมจริง โดยไม่ได้หลอกเอาเงินผู้เสียหายเลย แต่ธุรกิจเกิดไปไม่รอดทำให้บาร์เบียร์ดังกล่าวล้มเลิกกิจการเพราะหมดทุน หลังจากนั้นก็เกิดแยกทางกันอยู่ จนกระทั่งผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความจับ จึงหลบหนีมาทำงานเป็นแม่บ้านยังเมืองพัทยา แต่ก็ไม่รอดถูกจับกุมได้ดังกล่าว
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยาอัพเดทนิวส์ นำเสนอ ฉับไว เพื่อสังคม