พัทยา-(16 ส.ค. 59) เมื่อเวลา 03.00 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย เรืออากาศโท ภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม นำกำลังฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหารจากพัน 21 ร.2.รอ. และ ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบคาราโอเกะจำนวน 2 ร้าน ตั้งอยู่ภายในซอยเทพสิทธิ์ 8 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบค้าประเวณีและมั่วสุมยาเสพติด
จากการตรวจสอบร้านรู้ใจ คาราโอเกะ สามารถควบคุมตัวสาวพนักงานร้านไว้ได้ 9 คน และพนักงานชาย 1 คน รวมทั้งสิ้น 10 คน ส่วนร้านลั้ลลา คาราโอเกะ ซึ่งเปิดติดเยื้องกับร้านแรก พบสาวพนักงานร้านจำนวน 7 คน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจปัสสาวะ พบสาวพนักงานร้านมีสารเสพติดในร่างกายจำนวน 10 คน นอกจากนี้ยังได้ตรวจค้นห้องพักพนักงานพบอุปกรณ์การเสพยาไอซ์จำนวนมาก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ ระหว่างเจ้าหน้าที่ปูพรมตรวจค้นห้องพัก ปรากฏว่าไฟดับทั้งตึก ทำให้การตรวจค้นค่อนข้างลำบาก ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นผู้ไม่หวังดีลงมือกลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่ จากนั้นหัวหน้าชุดจึงแจ้งชุดจับกุมถอนกำลัง ก่อนส่งตัวผู้กระทำความผิดดำเนินคดี ในฐานความผิด “เตร็ดเตร่เพื่อการค้าประเวณี” ส่วนผู้มีสารเสพติดในร่างกาย ก็จะส่งเข้าสู่กระบวนการบำบัดสาธารณสุขต่อไป
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยา-(1 เม.ย. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย นายประพันธ์ ประทุมชุมภู ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และนายพิเชฐ ธรรมโหร ปลัดอำเภอ ได้นำกำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ออกตรวจสอบสถานบันเทิงเมืองพัทยาลักลอบเปิดเกินเวลาที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อเป็นการจัดระเบียบสังคม ตามนโยบานนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถานบันเทิงหลายแห่งของเมืองพัทยาให้ความร่วมมือปิดร้านตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่ยังพบว่าร้านเดอะฟาสต์ ผับพัทยา ตั้งอยู่ถนนพัทยาใต้ เปิดให้บริการให้กับลูกค้าอยู่ จึงเข้าไปทำการตรวจสอบ นักท่องราตรีจำนวนหนึ่ง กำลังดื่มกินสุรากันภายในร้าน จึงสั่งให้ทางร้านเปิดไฟและปิดเพลง ก่อนจะตรวจบัตรประจำตัวประชาชน และตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย ปรากฏว่าพบนักท่องวราตรีมีปัสสาวะสีม่วง 1 ราย โดยมี นายวีรพงษ์ มูลดา อายุ 25 ปี แสดงตัวเป็นผู้จัดการร้าน
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดเดียวกัน ได้ทำการเข้าตรวจสอบร้านบีเบิร์ด คาราโอเกะ เนื่องจากยังเปิดให้บริการจำหน่ายสุรากับนักเที่ยวราตรีอยู่ และมีเสียงเพลงเล็ดลอดออกมา โดยปิดประตูหน้าร้านเอาไว้ ซึ่งใช้ประตูหลังร้านเป็นทางเข้าออก เพื่อตบตาและหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบจับกุม ทั้งนี้ ตรวจสอบไม่พบนักเที่ยวพนักงานอายุต่ำกว่ากำหนด และไม่มีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งมี นายอรุณ สิงห์โข่ง อายุ 35 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน
นอภ.บางละมุง กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ร้าน ในฐานความผิด เปิดสถานบันเทิงเกินเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติ จำหน่ายสุราเกินเวลา และเป็นสถานที่สะสมอาหาร ก่อนควบคุมตัวผู้ที่รับเป็นผู้จัดการและผู้ดูแล ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับเสนอเรื่องไปยังนายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อสั่งปิดสถานบันเทิงทั้ง 2 แห่งนี้ต่อไป
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 22 มีนาคม 2559 นายประพันธ์ ประทุมชุมภู ปลัดหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ได้นำกำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.เมืองพัทยา บุกเข้าตรวจสอบร้านไฮคลาส คาราโอเกะ ตั้งอยู่ริมถนนพัทยาสายสาม ถนนพัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
หลังจาก นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง ได้รับการร้องเรียนร้านแห่งนี้ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยก่อนหน้านี้เคยถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอบางละมุง เข้าจับกุมเมื่อเดือนที่ผ่านมา หลังจากกระทำความผิดเรื่องจำหน่ายสุราเกินเวลา และเปิดสถานบริการเกินเวลา ก่อนจะถูกสั่งปิดเป็นเวลานาน 5 ปี ตามคำสั่งคสช.
จากการเข้าตรวจสอบร้านแห่งนี้ ปรากฏว่ายังเปิดให้บริการลูกค้าอยู่จริงตามที่ได้รับการร้องเรียน พบนักเที่ยววัยรุ่นเกือบเต็มร้านกำลังนั่งดื่มสุรา ฟังเพลงตามจังหวะเสียงเพลงดีเจ ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนลูกค้าทั้งหมด ไม่มีเด็กอายุต่ำเข้าใช้บริการ พบเพียงนักเที่ยวไม่พกบัตรประชาชนจำนวน 4 คน จึงควบคุมตัวไปดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ
โดยมี นายพรนัชชา มหาวงษ์ อายุ 30 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน โดยให้ความร่วมมือในการตรวจสอบครั้งกับเจ้าหน้าที่เป้นอย่างดี พร้อมกับระบุว่า ไม่รู้ว่าร้านดังกล่าวถูกสั่งปิด 5 ปีตามคำสั่งคสช. เนื่องจากได้เซ้งกิจการต่อเจ้าของคนเก่า โดยลงทุนไปเกือบ 1 ล้านบาท ก่อนจะเปิดให้บริการนานเกือบ 2 เดือน แล้วมีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมดังกล่าว
นายประพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า สำหรับคำสั่งปิด 5 ปี ตามคำสั่งคสช. เป็นการห้ามใช้สถานที่ดังกล่าวเปิดเป็นสถานบันเทิงหรือบริการ ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อร้านแล้วก็ตาม จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการสถานบริการให้รับทราบโดยทั่วกัน หากตรวจสอบร้านใดที่ถูกสั่งปิดแล้วยังฝ่าฝืนก็จะความผิดตามกฎหมาย
ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย
พัทยาอัพเดทนิวส์ นำเสนอ ฉับไว เพื่อสังคม