RubbishCom แต่งแต้มจินตนาการลดปัญหาขยะ พร้อมลงนามความร่วมมือ บจก.สุขล้น ลุยโครงการทำภาพยนตร์สั้นเรื่อง “เทพบุตรกองขยะ” พร้อมเปิดกล้องภายในเดือนสิงหาคม 61 นี้

พัทยา-(3 ส.ค. 61) บริเวณพื้นที่ว่างเปล่าภายในซอยอรุโณทัยตัดซอยบงกช พัทยากลาง จ.ชลบุรี ได้จัดให้มีพิธีแถลงข่าวลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกในการดำเนินการจัดสร้างภาพยนตร์สั้นขนาดยาว เรื่อง “เทพบุตรขยะ” ระหว่างองค์กรสื่อสารด้านการขยะ Rubbish Communication และ บริษัทผลิตภาพยนตร์และหนังโฆษณามากฝีมืออย่าง บจก.สุขล้น โดยทีสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าร่วมอย่างคึกคัก

ด้วย องค์กรสื่อสารด้านการขยะ RubbishCom ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ให้ความสำคัญเรื่องการรักษาความสะอาดและลดปริมาณขยะในเมืองพัทยาอยู่ในขณะนี้ มีแนวคิดจะปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนและประชาชนชาวเมืองพัทยา จึงร่วมกับ บจก.สุขล้น ทำโครงการภาพยนตร์จัดสร้างภาพยนตร์เรื่อง “เทพบุตรกองขยะ” ซึ่งจะเป็นภาพยนตร์สั้นขนาดยาว แบ่งเป็น 3 ตอนๆ ละ 5 นาที รวม 15 นาที ใช้สถานที่ถ่ายทำในเมืองพัทยา พร้อมจะเปิดกล้องภายในเดือนนี้ ส่วนช่องทางการนำเสนอจะดูความเหมาะสมและแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ ได้มุ่งหวังที่จะดึงเอาทุกภาคส่วนเข้ามีส่วนร่วม โดนเน้นไปที่กลุ่มเยาวชนเพราะถือว่ายังสามารถต่อยอดจินตนาการจากภาพยนตร์เพื่อสร้างสรรค์สังคมในแง่มุมต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติต่อไปได้

ทั้งนี้ ภาพยนตร์ถือเป็นสื่อกลางที่สามารถนำเสนอข้อมูลด้านการขยะได้ในมุมมองที่มีความน่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ และเข้าใจง่ายแบบที่ใกล้ชิดยิ่งในปัจจุบันสื่อโซเชียลกำลังมีบทบาทอย่างหนักในการใช้ชีวิตของมนุษย์ การนำเอาสื่อภาพยนตร์เข้ามาช่วยสร้างแรงดึงดูดและความน่าสนใจจึงเหตุผลทำให้เกิดความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้น

สำหรับในพิธีการลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกในการดำเนินการจัดสร้างภาพยนตร์สั้นขนาดยาว เรื่อง “เทพบุตรขยะ” มี น.ส.สุภาดา วงศ์ซิ้ม ประธานองค์กรสื่อสารด้านการขยะ RubbishCom ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ น.ส.ณัฐพัชร์ แสงอุทัยวัฒนา Managing Director บจก.สุขล้น โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูงของทั้งสององค์กร รวมถึง นายณัฐพล ทองคำ รองประธานองค์กรสื่อสารด้านการขยะ Rubbish Communication นายกิตาติพัฒน์ เกื้อวิจิตร ประธานบริหาร บจก.สแกนดิคูซ และ น.ส.อังคณา ขันธ์กำเหนิด Producer บจก.สุขล้น ร่วมเป็นสักขีพยานในความร่วมมือในครั้งนี้ด้วย

เมืองพัทยาเร่งเก็บเศษสิ่งปฏิกูลลอยเกยเกลื่อนหาดพัทยา เร่งกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว รองนายกรุดตรวจสอบ พบขยะอุดตันอุโมงค์ระบายน้ำจนตะแกรงเหล็กพังไปทั้งแถบ

กรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า พบขยะและเศษสิ่งปฏิกูลจำนวนมาก ลอยมาเกยอยู่เต็มชายหาดพัทยา บริเวณท่าเทียบเรือเก่า ย่านพัทยาใต้ เป็นระยะทางยาวกว่า 300 เมตร อยู่นานนับเดือน ทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีดำ จนนักท่องเที่ยวไม่กล้าลงไปเล่นน้ำ และส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงเรียกร้องให้ผู้บริหารเมืองพัทยาเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วนตามที่รายงานไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าของเรื่องนี้เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 พ.ค.59 เจ้าหน้าที่และพนักงานของกองช่างสุขาภิบาล สำนักสิ่งแวดล้อม เมืองพัทยา นำกำลังกว่า 20 คน พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด เดินทางลงพื้นที่บริเวณชายหาดพัทยาใต้ ติดกับโรงบำบัดน้ำเสีย เพื่อทำการเก็บกวาดเศษขยะและสิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่ลอยมาเกยอยู่บริเวณแนวชายหาดก่อนนำขึ้นรถบรรทุกเพื่อนำไปกำจัดตามขั้นตอน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ ทำให้ชายหาดช่วงบริเวณดังกล่าวกลับมาสวยงามดังเดิม

ต่อมา ดร.วีรวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา เดินทางมาตรวจสอบต้นตอของปัญหา พบว่าบริเวณอุโมงค์ระบายน้ำลงสู่ทะเล ขนาด 2.4 เมตร จำนวน 2 อุโมงค์ ที่มีระบบไฮดรอลิกซ์ในการปิดเปิดประตู ปรากฏว่าตะแกรงเหล็กซึ่งใช้สำหรับดักขยะของหนึ่งในสองอุโมงค์ได้หลุดออกจากกรอบประตู และไปพบอยู่ที่ปลายอุโมงค์ซึ่งมีระยะทางประมาณ 15 เมตร

โดย ดร.วีรวัฒน์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ตะแกรงเหล็กหลุดออกจากกรอบเป็นเพราะเมื่อช่วงฝนตกหนักที่ผ่านมามีขยะมาอุดตันเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเกิดแรงดันทำให้ตะแกรงพัง เบื้องต้นได้ให้นายช่างไปประสานบริษัทที่รับจ้างดูแลอุโมงค์ระบายน้ำมาทำการซ่อมแซมแก้ไขโดยด่วน อีกส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาคือบริเวณปลายอุโมงค์ซึ่งปกติจะมีไฟเบอร์ปิดปากอุโมงค์ เพื่อป้องกันน้ำทะเลหนุนไม่ให้มาเข้าเครื่องบำบัดน้ำเสีย แต่ปัจจุบันปรากฏว่าไฟเบอร์ดังกล่าวได้หายไปเพราะถูกแรงดันของน้ำ ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว นอกจากจะดำเนินการซ่อมแซมตะแกรงดักขยะแล้ว ต้องมาดูกันว่าจะสามารถเจาะฝาท่อระบายน้ำเพื่อทำเป็นแนวดักขยะก่อนที่จะไปถึงตะแกรงดักขยะปัจจุบันได้หรือไม่ เพื่อจะได้ทำการจัดเก็บขยะได้ง่ายขึ้น

ดร.วีรวัฒน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายฝากไปถึงประชาชนอีกว่า ขอให้ช่วยกันรักษาความสะอาด ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง เพราะหากทิ้งขยะเรี่ยราดเวลาฝนตกลงมาจะทำให้ขยะเหล่านั้นไปอุดตันท่อระบายน้ำ จนเกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในเมืองพัทยาดังกล่าว