เพลิงไหม้ “บ้านพญาไม้” คาดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน เผยเตรียมเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

image
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมช่วยกันฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้บ้านพญาไม้ที่ใช้เวลาปลูกสร้างมานานกว่า 10 ปี กำลังจะเสร็จเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้าชม คาดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

พัทยา(6 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก.สภ.หนองปรือ ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพญาไม้ ตั้งอยู่เลขที่ 124/9 ซ.มาบสอง-หนองใหญ่ 10 ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลหนองปรือ, เทศบาลตำบลโป่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยา รุดทำการช่วยเหลือ

image

ที่เกิดเหตุพบรถดับเพลิงกว่า 10 คัน กำลังช่วยกันระดมฉีดน้ำควบคุมเปลวเพลิงที่กำลังโหมรุกไหม้บ้านไม้ทรงไทยขนาดใหญ่ ที่ปลูกด้วยไม้เก่าแก่ราคาแพง บนเนื้อที่กว่า 1.5 ไร่ จนเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็ยังไม่สามารถควบคุมเปลวเพลิงไว้ได้ เนื่องจากโครงสร้างทั้งหมดเป็นไม้ และมีลมแรง จนทำมีโครงสร้างบ้างส่วนพังทลายลงมา สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก

image

เบื้องต้นทราบว่าเจ้าของชื่อ นายขุนทอง อู่เงิน นักธุรกิจชื่อดังในเมืองพัทยา ซึ่งยังไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรได้มากนัก เนื่องจากกำลังอยู่ในอาการตกใจ ทราบเพียงว่าบ้านพญาไม้หลังดังกล่าวปลูกมากว่า 10 ปี และกำลังจะเสร็จและเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ซึ่งตอนเกิดเหตุมีคนงานกำลังต่อเติมภายในด้านบนอยู่ จู่ๆ ได้เกิดไฟฟ้าช็อตและมีเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมเพลิงได้

image

ส่วนเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ไม่มีรายงานเกี่ยวกับผู้ได้รับบาด คาดมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท จากนั้นจะทำการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 (ชลบุรี) เพื่อเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุหารายละเอียดและสรุปสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง

ภาพ/ข่าว รุ่ง อินดี้

สองแถวพัทยา โดนกลุ่ม นทท.แดนโรตี รุมทำร้ายจนขาหัก ตร.คาดสาเหตุสื่อสารไม่เข้าใจ

พัทยา-(6 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 03.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณโค้งปลาโลมาถนนพัทยา-นาเกลือ ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบ นายสมชาย อินทะสร้อย อายุ 38 ปี โชเฟอร์รถสหกรณ์สองแถวถูกรุ่มทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ฟกช้ำตามร่างกาย ขาขวาหักนอนร้องครวญครางขอความช่วยเหลืออยู่ข้างทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเคลื่อนตัวส่งโรงพยาบาลบางละมุง

สอบถาม นายสมชาย(โชเฟอร์สหกรณ์สองแถว) ทราบว่า ได้รับนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย 7 คนมาจากวอล์กกิ้งสตีท พัทยาใต้ โดยไม่รู้จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุจึงได้หยุดรถลงไปสอบถามนักท่องเที่ยวว่าจะเดินทางไหนจึงทราบว่ารถได้ผ่านที่พักของกลุ่มนักท่องเที่ยวไปแล้ว จึงได้พูดคุยสอบถามว่าจะให้ย้อนกลับไปส่งหรือไม่ แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวกลับเดินหนีไม่ยอมจ่ายค่ารถ ตนเองจึงรีบวิ่งตามไปพร้อมทั้งต่อว่าด้วยความโกธร ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวไม่พอใจเข้ามารุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้ติดตามควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ซึ่งให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโชเฟอร์สหกรณ์สองแถวได้ขว้างก้อนหินใส่ได้รับบาดเจ็บพร้อมทั้งโชว์บาดแผล จึงได้ต่อสู้ป้องกันตัว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าทีตำรวจจะได้สอบปากคำทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมาจากการสื่อสารไม่เข้าใจกันจึงเป็นเหตุให้เข้าใจผิดและทำร้ายกันจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ภาพ/ข่าว Ku Salick

หนุ่มแดนโคนม เดินเที่ยววอล์กกิ้งสตีท พัทยา ถูกทำร้ายร่างกายเจ็บ


พัทยา-(6 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 04.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งมีนักท่องเที่ยวถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณหน้า ร้านเดอะ ไอรอน คลับ ภายในถนนวอล์กกิ้งสตีท พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบนักท่องเที่ยวทราบชื่อคือ นายอังเดร อายุ 24 ปี สัญชาติเดนมาร์ค ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะแตก ฟกช้ำตามร่างกาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอาสาพาผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลเอง

สอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การว่านักท่องเที่ยวได้ทะเราะวิวาทกับนักท่องเที่ยวด้วยกันเองและวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือกับทางร้าน แต่ทางนักท่องเที่ยวได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าหน้าที่กล่าว และไม่ได้มีปัญหากับชาวต่างชาติเดียวกัน

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะพานักท่องเที่ยวไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลและจะพาพบ พนักงานสอบสอนเพื่อสอบปากคำและเดินทางตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

ฮือฮา! พ่อค้าทุเรียนพัทยาเน้นคุณภาพไม่หลอกลวงผู้บริโภค ทำยอดขายกระฉูดวันละกว่า 2 ตัน

ฮือฮา! พ่อค้าทุเรียนพัทยาเน้นคุณภาพไม่หลอกลวงผู้บริโภค ทำยอดขายกระฉูดวันละกว่า 2 ตัน ซิวเงินเข้ากระเป๋านับแสน เผยต้องทำบัตรคิวเพราะลูกค้ามากบางทีแย่งคิวกันจนมีปากเสียง

พัทยา-(4 พ.ค. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าร้านทุเรียนทองคำ ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายทุเรียนหมอนทอง ภาย ในซอยอรุโณทัย พัทยากลาง จ.ชลบุรี มีความคึกคักเป็นอย่างมาก เนื่องจากพบว่ามีลูกค้าซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาจับจองคิวเพื่อซื้อทุเรียนไปรับประทานกันอย่างคึกคักแน่นขนัด ส่งผลให้ในแต่ละวันตั้งแต่ช่วงเช้าทางร้านจะสามารถทำรายได้จากการจำหน่ายทุเรียนหมอนทองได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

S__17645578

โดยจากการลงพื้นที่สำรวจร้านดังกล่าวพบว่าเป็นห้องขนาดหนึ่งคูหา บริเวณหน้าร้านมีการตั้งเต็นท์กันแดดจำหน่ายทุเรียนหมอนทองระบุราคากิโลกรัมละ 85 บาท ซึ่งพบว่ามีลุกค้ามารอคิวเข้าซื้อทุเรียนกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้พบว่าทางร้านได้จัดทำบัตรคิวให้ลูกค้าเพื่อความเป็นระเบียบและง่ายต่อการบริการด้วย

นายทองคำ ระยับศรี อายุ 51 ปี เจ้าของร้านทุเรียนทองคำ เล่าว่าการเปิดร้านจำหน่ายทุเรียนเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทำกันเองโดยเปิดร้านรวม 2 สาขา สาขาที่ 2 จะอยู่ภายในซอยกอไผ่ พัทยาใต้ ทุเรียนดังกล่าวจะรับมาจากสวนฝั่งระยอง จันทบุรีและตราด โดยจะคัดเลือกแต่ทุเรียนที่ได้จากสวนดีๆ เท่านั้น แต่ละวันจะนำทุเรียนมาขายได้ประมาณ 1-2 ตัน หรือ 1,000-2,000 กิโลกรัม โดยร้านจะเปิดตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันไปจนถึงเวลาตีสอง แต่ละวันจะมีรายได้จากการขายทุเรียนไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท

เนื่องจากมีลูกค้าเป็นจำนวนมากด้วยทางร้านเน้นคุณภาพของสินค้าและตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ทั้งเรื่องความสด สะอาด หวาน อร่อย และรวดเร็ว ซึ่งเมื่อมีปัญหาที่มีลูกค้ามาซื้อมากขึ้นก็เกิดการแย่งคิวกันมีการทะเลาะด่ากัน เราก็ดูไม่ทันเพราะคนขายมีน้อยกว่าลูกค้า

S__17645576

จากนั้นจึงคิดใช้บัตรคิวเพื่อความเป็นระเบียบและความสะดวกต่อการให้บริการ ซึ่งถือว่าช่วยได้มากเพราะปัญหาเรื่องการแซงคิวกันหมดไป ลุกค้าก็มารอซื้อทุเรียนอย่างเป็นระเบียบ ลูกค้ารายหนึ่ง กล่าวว่าเป็นคนชื่นชอบกินทุเรียนและมาใช้บริการร้านนี้นานมากแล้วเพราะทุเรียนอร่อยมาก ราคาก็ไม่แพงเกินไป การทำบัตรคิวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะช่วยให้ลูกค้าไม่แซงคิวกันและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

ภาพ/ข่าว Ku Slick

บุกจับยาบ้าบ้านนาเกลือ “เบิร์ด โนรี” ไหวตัวหนีรอด รวบลูกค้า

พัทยา-(4 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 18.00 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย ร.ท.ภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม นายพิเชฐ ธรรมโหร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และทหาร มทบ.14 ร่วมกันวางแผนส่งสายลับเข้าล่อซื้อยาบ้า 5 เม็ด เป็นเงินจำนวน 1,000 บาท จากนายเบิร์ด หรือเบิร์ด โนรี เอเย่นต์ยาเสพติด ย่านนาเกลือ โดยนัดหมายส่งกันบริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 419/52 ภายในซอย 14 นาเกลือ ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

หลังจากสายลับส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายเบิร์ด เอเย่นต์ยาเสพติด ได้เกิดไหวตัวทันขับขี่รถจักรยานยนต์หนีไปได้อย่างหวุดหวิดโดยทิ้ง น.ส.ศิริพร เวียงจันทร์ อายุ 20 ปี แฟนสาว กำลังอุ้มลูกทารกแรกเกิด ยืนรับหน้าเจ้าหน้าที่เพียงลำพัง เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านพบยาบ้าจำนวน 5เม็ด ตกอยู่ที่พื้นบริเวณข้างบ้าน จึงได้ควบคุมตัว น.ส.ศิริพร ไว้สอบปากคำ

thumbnail_IMG_2233

นอกจากนี้ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นห้องพักของ นายเบิร์ด อยู่นั้น ได้มี นายนฤพนธ์ ทรงแบน อายุ 28 ปีและนายนิรันดร์ มาณสูตร อายุ 31 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาบริเวณดังกล่าว แต่เมื่อทั้งสองคนเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงท่าทีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงขอเข้าทำการตรวจค้นตัว แต่ผู้ต้องหาทั้งสองกลับขี่รถฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่เพื่อจะหลบหนี แต่ก็ถูกสกัดจับตัวได้ที่บริเวณกลางซอยทั้งสองคน จากการตรวจค้นพบยาบ้า 2 เม็ด ซุกซ่อนในกระเป๋าสะพายของ นายนฤพนธ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้งหมดมาทำการสอบปากคำยังที่ว่าการอำเภอบางละมุง

จากการสอบปากคำ น.ส.ศิริพร ให้การว่า ยาเสพติดที่พบบริเวณข้างบ้านนั้นเป็นของ นายเบิร์ด สามี ซึ่งได้แอบลักลอบจำหน่ายให้กับวัยรุ่นในพื้นที่มาได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว เนื่องจากต้องการหาเงินมาใช้ซื้อนมและของใช้ต่างๆ ให้กับลูกน้อยที่เพิ่งคลอดออกได้ไม่กี่เดือน แต่เธอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับนายเบิร์ด อย่างแน่นอนเพียงแต่ไม่สามารถพูดหรือห้ามปราม นายเบิร์ด ผู้เป็นสามีได้ ส่วน นายนฤพนธ์ และนายนิรันดร์ ยอมรับว่า ว่ายาบ้าที่พบนั้นเป็นของตนจริงซึ่งได้ซื้อต่อมาจาก นายเบิร์ด เพื่อที่จะนำมาเสพอีกที

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของ น.ส.ศิริพร จึงนำตัวไปทำการตรวจหาสารเสพติด พร้อมแจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดไว้ในครอบครองและเสพแก่ นายนฤพนธ์ และนายนิรันดร์ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วน นายเบิร์ด เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเตรียมขออำนาจศาลออกหมายจับในคดียาเสพติดต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

หลวงพ่อวัดดังเมืองพัทยาแทบช็อกหลังทำความสะอาดบ่อเลี้ยงปลา พบศพชายนิรนามลอยกลางบ่อ

พัทยา-(4 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 18.00 น. ร.ต.อ.จักรกฤษ จันตาคำ รองสว.สอบสวนสภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตในบ่อเลี้ยงปลา ภายในวัดชัยมงคลพระอารามหลวงพัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลับรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ของวัดพบศพผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้ากอดกิ่งไม้ภายในบ่อ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯใช้เวลากว่า 30 นาทีจึงนำศพขึ้นบนฝั่งได้ เป็นชายไทยอายุประมาณ 30-35 ปี ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ทราบเพียงชื่อเล่นนายเพชร เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า5-6 ชั่วโมง ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงยีนขายาว ตรวจสอบไม่พบเอกสารระบุตัวบุคคล

สอบถาม พระปราโมกข์ อภิชโย อายุ 60 ปี พระลูกวัด ทราบว่าในขณะที่ได้ทำความสะอาดบ่อเลี้ยงปลาได้พบร่างผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้า คิดว่าเป็นตุ๊กตาจึงใช้ไม้เกี่ยวเข้ามาถึงกลับต้องตกใจเมื่อพบว่าปลายไม้เป็นศพจึงได้ใช้เชื่อผูกไว้กับราวกั้นขอบบ่อป้องกันศพลอยไปไกลยากต่อการเก็บเคลื่อนย้าย ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบดังกล่าว

เบื้องต้นร.ต.อ.จักรกฤษ จันตาคำ รองสว.สอบสวนเจ้าของคดีได้ลงบันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตคาดว่าผู้ตายน่าจะเดินแล้วพลัดตกลงไป ส่วนร่างผู้เสียชีวิตได้มอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯเก็บรักษายังโรงพยาบาลบางละมุงเพื่อรอญาติติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

กู้ภัยฯ ปั้มหัวใจหนุ่มนิรนามเดินอยู่บนถนนเกิดอาการไอชักท่ามกลางคนจำนวนมาก

พัทยา-(4 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 18.00 น. ร.ต.อ.จักรกฤษณ จันตาคำ รองสว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุ มีคนหมดสติ เหตุเกิด หน้าร้านขายน้ำหอม เชฟท์เคมีและบรรจุภัณฑ์ เลขที่ 47/17-19พัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งพร้อม มูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ กำลังปั๊มหัวใจยื้อชีวิต ชายไทยสวมใส่เสื้อคอปรกสีขาว ลายทาง สวมกางเกงขายาวสีดำ เจ้าหน้าที่สว่างกว่า 10 นาย เข้าทำการช่วยเหลือ ยื้อชีวิตนาน กว่า 20 นาที แต่ไม่สามารถ ช่วยเหลือทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบ ร่างกายผู้ตาย ไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้ายแต่อย่างได และ ไม่มีเอกสารระบุตัวบุคคลในกระเป๋ากางเกง 40 บาทเท่านั้น

จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงไม่ใครทราบว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน ก่อนจะมาเสียชีวิต เห็นว่าเดินไปมา อยู่บริเวณนั้น จากนั้นก็เดินกลับมาหน้าร้านขายน้ำหอม แล้วก็ไอจน อาเจียน ออกมาเป็นเลือดกองขนาดใหญ่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่สว่างจะมาถึงแล้วก็ทำการ ปั้มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล ทำให้เสียชีวิตด้งกล่าว

เบื้องต้นจากการสอบสวนด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายรูปในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานก่อน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ไม่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด คาดว่าน่าจะเกิดจากโรคประจำตัว ก่อนจะมาหมดสติ และเสียชีวิต อย่างไรตามจะให้มูลนิธิสว่างนำศพไปเก็บรักษา ที่ รพ.บางละมุง เพื่อติดหาญาติผู้เสียชีวิตแจ้งให้ทราบ และมาติดต่อรับศพไปทำพิธีทางศาสนา ต่อไป

ภาพ/ข่าว Ku Salick

ฝ่ายปกครองบุกตรวจฉี่พนักงานเมืองพัทยา ซ้ำยังเจอคนขโมยสายไฟหลวงไปขาย

ฝ่ายปกครองบางละมุงบุกตรวจฉี่พนักงานเมืองพัทยาพบมีสีม่วง 14 คน หนึ่งในนั้นสารภาพขโมยสายไฟของหลวงไปหลายครั้งมูลค่ากว่า 6 แสนบาท

thumbnail_1462353421723

พัทยา-(4 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 15.00 น. นายชาคร กัญจนวัตตะ นอภ.บางละมุง จ.ชลบุรี สืบทราบว่ามีพนักงานประจำโรงเก็บพัสดุ ส่วนการโยธา สำนักการช่างเมืองพัทยา ตั้งอยู่ในซอยถั่วงอก ถนนชัยพรวิถี ต.หนองปรือ อ.บางะมุง ลักลอบเสพยาบ้าหลายคน จึงสั่งการให้นายประพันธ์ ประทุมชุมภู ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง กับ ร.ท.ภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหาร มทบ.14 เดินทางไปตรวจสอบ

โดยเจ้าหน้าที่ได้อาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 ทำการสุ่มตรวจพนักงานประจำโรงเก็บพัสดุกว่า 30 คน พบมีชายไทยปัสสาวะสีม่วงซึ่งคาดว่าน่าจะมีสารเสพติดจำนวน 14 คน ซึ่งหนึ่งในนั้น (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ให้การรับสารภาพว่า เสพยาบ้ามานานแล้ว พอไม่มีเงินก็จะแอบขโมยสายไฟในโรงเก็บไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าอยู่เป็นประจำ มูลค่ารวมๆ กันแล้วประมาณ 6 แสนบาท จึงควบคุมตัวทั้งหมดเพื่อรอดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

thumbnail_1462353422812

ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหารเข้าตรวจร้านจำเนียรรับซื้อของของเก่า ตั้งอยู่เลขที่ 320/12 ถนนชัยพรวิถี ม.4 ต.นาเกลือ กับ ร้านศุภชัยรับซื้อของเก่า ตั้งอยู่เลขที่ 17/13 ม.8 ต.หนองปลาไหล ซึ่งเป็นสถานที่ที่พนักงานประจำโรงเก็บพัสดุให้การรับสารภาพว่านำสายไฟมาขาย แต่เบื้องต้นไม่พบหลักฐาน แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาต และไม่จัดทำบัญชีผู้ขายของเก่า จึงควบคุมตัว น.ส.ศรีวิไล ผาจวง อายุ 39 ปี ผู้ดูแลร้านจำเนียร กับนายศุภชัย พรหมสิน อายุ 39 ปี เจ้าของร้านศุภชัย ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว สมบอล คนไทย

พิษภัยแล้ง ทำผักสดราคาพุ่ง พ่อค้าแม่ค้าสะดุ้ง

ปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้ราคาผักสดหลายชนิดในตลาดมีการดีดราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคอาหารวางใจได้จะไม่ปรับราคาอาหารขึ้นตามแน่นอน

พัทยา-(4 พ.ค. 59) เมื่อเวลา 05.40 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สังเกตราคาผักสด ที่ ตลาดรัตนากร ถ.เทพประสิทธิ์ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในช่วงภาวะขาดแคลนน้ำ พบว่าผักสดในท้องตลาดมีการปรับราคาสูงขึ้น ผักบางชนิดมีการปรับราคาสูงกว่าราคาปกติถึงเท่าตัว ส่งผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างมาก

S__2736245

โดยราคาผักในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ที่ต้องพบกับปัญหาภัยแล้ง เช่น แตงกวา จากปกติ กิโลละ 15-20 บาท ปรับขึ้นเป็น 30-35 บาท, ผักคะน้า จากปกติ กิโลละ 18-20 บาท ปรับขึ้นเป็น 30-35 บาท, มะเขือเทศ จากปกติ กิโลละ 25 บาท ปรับขึ้นเป็น 35-40 บาท, ถั่วฝักยาว จากปกติ กิโลละ 60-70 บาท ปรับขึ้นเป็น 120-130 บาท, ต้นหอม จากปกติ กิโลละ 70-80 บาท ปรับขึ้นเป็น 120-130 บาท, ผักชี จากปกติ กิโลละ 80 บาท ปรับขึ้นเป็น 150-160 บาท, พริกขี้หนู จากปกติ กิโลละ 70-80 บาท ปรับขึ้นเป็น 160-170 บาท, มะระจีน จากปกติ กิโลละ 35-40 บาท ปรับขึ้นเป็น 50 บาท, ผักบุ้งจีน18-20 บาท ปรับขึ้นเป็น 30-35 บาท

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามแม่ค้าที่มาซื้อผักสดในตลาดขณะที่ช่วงผักสดมีการปรับราคาสูงขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อผู้บริโภคอาหาร ด้านแม่ค้า ได้กล่าวว่า ในช่วงวิกฤตที่ขาดแคลนน้ำนั้น ทำให้ราคาผักในท้องตลาดมีการปรับราคาสูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ผู้บริโภคอุ่นใจถึงราคาอาหารจะไม่มีการปรับราคาสูงขึ้นตามราคาผักแน่นอน แต่เพียงอาจจะมีการลดปริมาณอาหารลงบ้างเล็กน้อย และเมื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติก็จะให้ปริมาณเท่าเดิม

ริบลีส์ฯจัดเต็ม มอบส่วนลดสุดพิเศษสำหรับเครื่องเล่น รับวันหยุดยาวตลอดเดือนพฤษภาคมนี้

ริบลีส์ เวิลด์ พัทยา จัดหนักจัดเต็มกับโปรโมชั่นพิเศษสุดๆ ฉลองช่วงวันหยุดยาวและตลอดเดือนพฤษภาคมนี้ กับบัตรเครื่องเล่น 1 ท่าน ราคาเพียง 399 บาท สามารถเลือกได้ 2 เครื่องเล่น และบัตรชุดครอบครัวสุขสันต์ 3 ท่าน ราคา 1,000บาท เลือกได้ 2 เครื่องเล่น (จากราคาปกติ 2,340 บาท)

Long Holiday_TH

สามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ripleysthailand.com และ www.facebook.com/ripleysworldpattaya