กสทช. เดินสายพบสื่อมวลชนภาคตะวันออก ประชาสัมพันธ์เรื่องการลงทะเบียนผู้ใช้บริการด้วยระบบตรวจสอบอัตลักษณ์

นายศุภกาญจน์ บุญจันทร์ รักษาการผู้อำนวยการส่วนงานเลขหมายสำหรับประกอบกิจการโทรคมนาคม สำนัก บริหารและจัดการเลขหมายโทรคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงาน กสทช. ได้ออกประกาศและแจ้งไปยังผู้ให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ทุกรายให้จัดทำระบบการลงทะเบียนผู้ใช้บริการด้วยระบบการตรวจสอบอัตลักษณ์ ทั้งการ ตรวจสอบใบหน้า (face recognition) หรือสแกนลายนิ้วมือ (finger print) โดย กำหนดให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2560 โดยเริ่มให้บริการลงทะเบียนเฉพาะระบบเติมเงินด้วยวิธีอัตลักษณ์ ณ ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่ทั่วประเทศ และในวันที่ 1 ก.พ. 2561 เริ่มให้บริการลงทะเบียนด้วยวิธีอัตลักษณ์ ทั้งระบบเติมเงินและระบบ รายเดือน ณ จุดให้บริการทั้งหมดกว่า 55,000 จุดทั่วประเทศ ตัวแทนจำหน่าย และลูกตู้ เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ

นายศุภกาญจน์ บุญจันทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ค่าย ประกอบด้วย AIS DTAC TRUE TOT และ CAT ร่วมกับสำนักงาน กสทช. สาธิตการลงทะเบียนซิมด้วยระบบการตรวจสอบอัตลักษณ์ ทั้งวิธี ตรวจสอบลายนิ้วมือและตรวจสอบใบหน้า เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจในขั้นตอนการลงทะเบียนว่า ง่าย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย โดยขั้นตอนแบ่งเป็น 1. ใช้บัตรประชาชนฉบับจริงอ่านในเครื่องอ่านบัตร (card reader) และ 2. ทำการตรวจสอบใบหน้าจากการถ่ายภาพหรือตรวจสอบลายนิ้วมือ โดยหากข้อมูลอัตลักษณ์ของผู้ซื้อซิมการ์ดใหม่ ตรงกับ ข้อมูลในบัตรประชาชน จะสามารถ ลงทะเบียนและเปิดใช้งานซิมการ์ดได้

“การลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยวิธี 2 แชะอัตลักษณ์ จะปกป้องผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ป้องกันการปลอมแปลงการลงทะเบียนซิมการ์ด โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินโดยใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น ระบบ Prompt Pay ที่ต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือเป็นเลขอ้างอิง หรือการแอบอ้างนำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปลงทะเบียน ซิมการ์ดและนำไปใช้ในทางมิชอบ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ถูกแอบอ้าง โดยจะมีการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลก่อนการ ลงทะเบียนและเปิดใช้งาน ซึ่งข้อมูลของท่านจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยโดยจะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลลายนิ้วมือและ ข้อมูลบัตรประชาชนไว้ที่จุดบริการ ผู้ที่ซื้อซิมการ์ดใหม่ทั้งแบบเติมเงินและแบบรายเดือนที่ผ่านการตรวจสอบอัตลักษณ์ แล้วระบบจะทำการลงทะเบียน โดยส่งข้อมูลตรงไปยังฐานข้อมูลกลางเพื่อเปิดใช้งานซิมการ์ดและจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ บริการทันที โดยผู้ให้บริการมีหน้าที่ดูแลและเก็บรักษาข้อมูล ตามกฎหมาย” นายศุภกาญจน์กล่าวในที่สุด

เดอะเบย์ พัทยา จัดโครงการสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ดึงธนาคารออมสินร่วมให้คำปรึกษาการทำธุรกิจ

ที่ โครงการเดอะเบย์ พัทยา คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ริมทะเลพัทยาเหนือ น.ส.อนา วงศ์สิงห์ ประธานบริหาร บริษัท บีชฟร้อนท์ แคปปิตอล จำกัด ร่วมกับ นางสุดใจ กาวิจันทร์ ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาเมืองพัทยา จัดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย โดยมีพ่อค้าแม่ค้าปละผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือของธนาคารออมสินร่วมกับโครงการเดอะ เบย์ พัทยา ที่หวังจะเห็นคนไทยมีกิจการเป็นของตัวเองเพื่อต่อยอดธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของธนาคารออมสินที่ดำเนินการมาโดยตลอด ซึ่งจะดูแลในเรื่องการบริหารการเงิน การให้คำปรึกษาแนะนำถึงวิธีการจัดการต่างๆ เพื่อพัฒนาธุรกิจในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ได้มีการลงนามความร่วมมือร่วมกัน ก่อนที่จะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและเปิดบูธให้ผู้สนใจลงทะเบียนร้านค้าได้ โดยบรรยากาศของงานเป็นไปอย่างคึกคักท่ามกลางผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

ซิลเวอร์เลค จัดหนักดึง 5 สาว สร้างสีสันกับคอนเสิร์ต (ลีฟ ไลฟ์ ทู เดอะ ฟูล บอดี้)

ที่ Silverlake Vineyard ทางบริษัท ซิลเวอร์เลคเอนเตอร์เทนเม้นท์และบริษัทซิลเวอร์เลค วินยาร์ด จำกัด นายสุรชัย ตั้งใจตรง ประธานกรรมการบริหารบริษัทซิลเวอร์เลค Entertainment และบริษัทซิลเวอร์เลควินยาร์ดจำกัด และนายสุริเยนทร์ ตันติยานนท์ กรรมการบริหารซิลเวอร์เลคเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จัดกิจกรรมงานคอนเสิร์ต เอ็กซ์คลูชีพคอนเสิร์ต

#LiveLifeToTheFullBody (ลีฟ ไลฟ์ ทู เดอะ ฟูล บอดี้) ใกล้ชิดศิลปินสาวท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายในไร่องุ่น ยกขบวนศิลปิน 5 สาวที่เต็มด้วยพลังเสียง ทั้งปาล์มมี่ ดาเอ็นโดรฟิน แก้มเดอะสตาร์ มาตังเดอะสตาร์และพริ้ม จันทร์ทิพย์ มาเสิร์ฟความสนุกพร้อมแสงสีเสียงจัดเต็มขนเพลงทั้งเก่าและใหม่มาให้แฟนเพลงได้โยกและร้องตามกันสนุกสนานตั้งแต่ช่วง 19.00 น. จนถึงเวลาเที่ยงคืน

กสทช. เปิดตัวแอปพลิเคชัน “3 ชั้น” ป้องกันลักลอบนำบัตรประชาชนเปิดเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเจ้าของไม่รู้ตัว

กสทช. เปิดตัวแอปพลิเคชัน “3 ชั้น” ป้องกันลักลอบนำบัตรประชาชนเปิดเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเจ้าของไม่รู้ตัว

เมื่อเวลา 11.00 น ของวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ที่ ร้านกาแฟ The Sweeteners ซอย.เขาตาโล ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นางสาวจิตสถา ศรีประเสริฐสุข ผู้อำนวยการสำนักบริหารและจัดการเลขหมายโทรคมนาคม เปิดการแถลงข่าว แอปพลิเคชัน “3 ชั้น” ป้องกันลักลอบนำบัตรประชาชนเปิดเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยเจ้าของไม่รู้ตัว ได้กล่าว่าวในปัจจุบันมีผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมทั้งสิ้นกว่า 120 ล้านเลขหมาย และผู้ใช้บริการบางรายอาจใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 1 เลขหมาย รวมทั้งมี การใช้แอปพลิเคชันผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้นในการทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ ซึ่งต้องใช้เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่อ้างอิงในการใช้งาน ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และป้องกันการลักลอบนำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนเปิดใช้งานโดยเราไม่รู้ตัว สำนักงาน กสทช. จึงได้จัดทำแอปพลิเคชันในชื่อว่า “3 ชั้น” เพื่อทำการ “ตรวจ” “แจ้ง” และ “ล็อค” โดยผู้ใช้บริการทั้งระบบรายเดือนและระบบเติมเงิน สามารถดาวน์โหลดผ่าน https://3steps.nbtc.go.th หรือพิมพ์คำว่า “3 ชั้น” ผ่าน Google Play หรือ Play Store และสมัครใช้งานแอปพลิเคชันได้ที่ศูนย์ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย โดยเลือกสมัครเพียงค่ายนั้นที่ท่านใช้งานอยู่เพียงค่ายเดียวเท่านั้น แอปพลิเคชันนี้เป็นการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่จึงมีความจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนก่อนการใช้ แอปพลิเคชันผ่านศูนย์ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัย จึงทำให้ประชาชนบางส่วนมองว่ายุ่งยาก และอาจเกิดความลังเลในการเริ่มใช้งาน แต่เมื่อใช้งานแอปพลิเคชันนี้แล้วจะสามารถป้องกันผู้อื่นนำบัตรประชาชน ไปเปิดเบอร์โทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว

สำหรับขั้นตอนการใช้งาน แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1. ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถตรวจเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้ในชื่อคุณภายใน 1 คลิ๊ก โดยระบบจะตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนในชื่อของคุณจากฐานข้อมูลของทุกค่าย 2. แจ้งระงับเบอร์แปลกปลอมที่ลงทะเบียนในชื่อของคุณ หรือเบอร์ของคุณที่ขาดหายไป ก่อนยืนยันตัวตนที่ศูนย์ให้บริการ และ 3. ผู้ใช้บริการสามารถล็อคและปลดล็อคการเปิดเบอร์โทรศัพท์ใหม่ด้วยตัวคุณเอง เพื่อป้องกันผู้อื่นนำบัตรประชาชนของคุณไปแอบอ้างการเปิดเบอร์ใหม่ และเมื่อคุณต้องการเปิดเบอร์ใหม่ก็สามารถทำการปลดล็อคจากแอพพลิชันได้ด้วยตัวเอง

“ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 3 ชั้น ได้ตั้งแต่วันนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์หลัก สำนักงาน กสทช. ต้องการให้ประชาชนมีเครื่องมือของตัวเองในการตรวจสอบ และปกป้องตัวเองจากการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยดำเนินงานร่วมกันกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกค่าย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแล และการให้บริการประชาชนในยุคดิจิทัล ที่สามารถนำข้อมูลของผู้ใช้บริการที่กระจายอยู่กับทุกค่ายมาบูรณาการเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเป็นเครื่องมือในการ ตรวจ แจ้ง ล็อค ให้กับประชาชน

ชลบุรีขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐ จัดกิจกรรมดาราพาเที่ยววิถีไทย พักใจที่บางละมุง พร้อมเปิดถนนไก่กะลา ถนนวัฒนธรรมตะเคียนเตี้ย

ตะเคียนเตี้ย-ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ อาคารอเนกประสงค์ ชุมชนตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายภวัต เลิศมุกดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายนริศ นิรามัยวงศ์ นายอำเภอบางละมุง และนายธิติ จันทร์แต่งผล รักษาการผู้จัดการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) สำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง (อพท.3) ร่วมเปิดกิจกรรมดาราพาเที่ยววิถีไทย พักใจที่บางละมุง ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สัมผัสและเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ณ ชุมชนตะเคียนเตี้ย โดยมี พ.จ.อ.นิวัฒน์ ภู่สากล หัวหน้าฝ่ายปกครอง เทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย และ พ.จ.อ.สมชัย ศิริสมบัติ ปลัดเทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย

สำหรับงานดังกล่าวจังหวัดชลบุรีโดย บริษัท ประชารัฐรวมใจรักสามัคคี (ชลบุรี) ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาชนในชุมชนร่งมดำเนินการจัดขึ้นตามนโยบายประชารัฐที่ต้องการเห็นทุกภาคส่วนในสังคมช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ โดยจะดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ ที่มีความเหมาะสม ก่อนหาจุดขายหลักของท้องถิ่นมาเป็นตัวชูโรงดำเนินเรื่องสร้างความน่าสนใจให้กิจกรรม

ตำบลตะเคียนเตี้ย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี มีทั้งสิ้น 5 หมู่ รวม 9 ชุมชน ในอดีตมีอาชีพทำนา แต่ต่อมาน้ำไม่เพียงพอ ก่อนผันมาปลูกมะพร้าวและทำการเกษตรหลากหลาย โดยมีมะพร้าวเป็นอาชีพหลักนำรายได้เข้าสู่ชุมชน ถือเป็นชุมชนวิถีไทยที่มีมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อคือ “ไก่กะลา” ซึ่งเป็นอาหารที่หาทานยาก ถือเป็นเมนูเฉพาะที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์อีกเมนูหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในกิจกรรมได้จัดให้มีการสาธิตวิธีทำไก่กะลา โดยมี จูเนียร์ เดอะสตาร์ มาร่วมสร้างสีสัน นอกจากนี้ได้มีการประกวดตั้งชื่อ ถนนวัฒนธรรมตะเคียนเตี้ย ซึ่งเป็นถนนสายหลักและเป็นศูนย์กลางของชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย โดยชื่อที่ชนะการประกวดที่ได้รับรางวัลคือ “ถนนไก่กะลา” ซึ่งถ่ายทอดความเป็นตัวตนของชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ยได้เป็นอย่างดี ซึ่งในวันนี้ก็ได้ถือโอกาสเปิดถนนไก่กะลาอย่างเป็นทางการด้วย

ซัมมิท แคปปิตอล รุดตลาดภาคตะวันออก เปิดสาขา 2 ในเมืองพัทยา

ซัมมิท แคปปิตอล รุดตลาดภาคตะวันออก เปิดสาขา 2 ในเมืองพัทยา เจาะตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รับการเติบโตเปิด EEC ชี้เป็นภูมิภาคที่มีผู้ซื้อรถจักรยานยนต์สูงสุดในประเทศ

ที่ศูนย์บริการซัมมิท แคปปิตอล สาขาพัทยาใต้ พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายหเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีซซิ่ง จำกัด นายพีรพงศ์ กี้ประสพสุข รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ และนายยาซูมาซ่า โอโมริ กรรมการบริการฯ ร่วมตัดริ้บบิ้นเปิดซัมมิท แคปปิตอล สาขาพัทยาใต้ อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทซัมมิทฯ ให้บริการในด้านสิน เชื่อรถจักรยานยนต์ใหม่ เป็นผู้นำตลาดสินเชื่อ 1 ใน 3 ของประเทศ มีสาขาทั้งหมด 31 สาขา สาขานี้ถือเป็นสาขาลำดับที่ 11 ในภาคตะวันออก การเลือกเปิดสาขาพัทยา เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งจะมีโรงงานเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง และเกิดความต้องการในการใช้พาหนะเพิ่มมากขึ้น

อีกทั้งภาคตะวันออกยังคงมีสถิติการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มีจำนวนผู้ใช้บริการสินเชื่อ เช่าซื้อรถ จักรยานยนต์กับ ซัมมิท แคปปิตอล สูงที่สุดเป็นอันดับแรกในช่วงครึ่งปี 2560 ที่ผ่านมาถึงร้อยละ 33 จากทั้งประเทศ ดังนั้นทาง ซัมมิท แคปปิตอลจึง พยายามพัฒนาการให้บริการ และเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุดด้วยการขยายพื้นที่ให้บริการอย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเสริมทัพเปิดให้บริการเพิ่มอีก 1 สาขาในพัทยาใต้ ซึ่งนับเป็นสาขาของซัมมิทแคปปิตอล สาขาที่ 11 ในภาคตะวันออก

นายวิชิต กล่าวต่ออีกว่า สำหรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รถจักรยานยนต์ใหม่เพียงคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5% ต่อปี และ 35% ต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดของรถนั้นๆ โดยก่อนจะมีการเปิดสาขาใหม่ๆ ทางบริษัทต้องมีการสำรวจและทดลองตลาดฐานความต้องการของลูกค้าก่อน ซึ่งก็ได้รับผลตอบเป็นอย่างดีในทุกสาขา และยังมีนโยบายจะเปิดสาขารองรับการเจริญเติบโตในฐานเศรษฐกิจรถจักรยานยนต์ 1 สาขาในทุกๆเดือน

“เอสเซ็นโซ่” บุกตลาดภาคตะวันออก เลือกพัทยา จัดกิจกรรมชงชิม ฟรี!! 4 ภาคทั่วไทย

“เอสเซ็นโซ่” บุกตลาดภาคตะวันออก เลือกพัทยา จัดกิจกรรมชงชิม ฟรี!! 4 ภาคทั่วไทย บริษัท เอส ซี เอ็ม แอล (ประเทศไทย) จำกัด นำ โดยนายสรพล บุญภากร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท พี.เอส.บี.จำกัด จูงมือแบรนด์แอมบาสเดอร์ อาเล็ก ธีรเดช จัดกิจกรรม “เอสเซ็นโซ่” ชงชิม ฟรี!! 4 ภาคทั่วไทย ส่ง 2 รสใหม่ เต็มรสเต็มกลิ่นเอาใจคนรักกาแฟดำ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ที่ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเฟสติวัลเฟสติวัลพัทยาบีช

นายสรพล บุญภากร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท พี.เอส.บี.จำกัด กล่าวว่ส หลังทำการเปิดตัว “เอสเซ็นโซ่ ” กาแฟ ไมโครกราวด์ บุกตลาด 3 in 1 และ 2 in 1 เป็นกาแฟคั่วบดละเอียด (กาแฟสด) ในปี 2559 ที่ ผ่านมา จนประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยยอดขายกว่า 165 ล้านบาท ในปีแรก และเพื่อทำการตลาดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ในปี 2560

บริษัท เอส ซี เอ็ม แอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายกาแฟปรุงสำเร็จ ภายใต้แบรนด์ “ซุปเปอร์กาแฟ” และแบรนด์ “เอสเซ็นโซ” จากประเทศสิงคโปร์ ได้ใช้งบประมาณ 180 ล้านบาท สำหรับการออกสินค้าใหม่ “เอสเซ็นโซ่ ไมโครกราวด์ แบล็ค คอฟฟี่” เป็นกาแฟคั่วบดละเอียด (กาแฟสด) มาพร้อมกับเอกลักษณ์เฉพาะ 2 สัมผัสใหม่ ได้อย่างเต็มรสเต็มกลิ่นในแบบกาแฟดำที่ปราศจากน้ำตาลและนม เพื่อเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้บริโภค แตกไลน์ไปสู่กลุ่มที่ชื่นชอบดื่มกาแฟดำให้มีมากขึ้น

โดยบริษัทได้ทำการประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมการตลาดส่งเสริมการขาย ในทุกเซ็กเมนต์ พร้อมกันนี้ ยังดึงศิลปินชื่อดัง “อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อเข้าถึงคอกาแฟได้ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งแฟนๆ ของดาราทั้ง 2 คน สามารถติดตามชมโฆษณาของทั้ง 2 คน ได้ทางช่องโทรทัศน์หลักๆ และสื่อต่างๆ นอกจากนี้ “อาเล็กและแต้ว” แบรนด์แอมบาสเดอร์ จะสลับผลัดเปลี่ยน เดินสายพบปะแฟนคลับ ในการนำ “เอสเซ็นโซ่ ไมโครกราวนะแบล็ค คอฟฟี่” ชงให้ได้ชิมกันสดๆ ถึง 4 จังหวัด 4 ภาค

รพ.กรุงเทพพัทยา อัญเชิญพระครุฑพระราชทานขึ้นประดิษฐานบนอาคาร

โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา อัญเชิญพระครุฑพระราชทานขึ้นประดิษฐานบนอาคาร โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จัดพิธีอัญเชิญครุฑพระราชทานประดิษฐานบนอาคาร เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความซื่อสัตย์สุจริต และเคยมีส่วนทำการค้าติดต่อกับราชสำนักด้วยความจงรักภักดี โดยมีคณะผู้บริหารบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) คณะผู้บริหารในเครือฯ พร้อมแขกผู้มีเกียรติ และบุคลากรโรงพยาบาล ร่วมพิธีอันทรงเกียรติในครั้งนี้อย่างภาคภูมิใจ

พัทยา-ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ บริเวณอาคารส่วนหน้าโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานพิธีบวงสรวงและอัญเชิญครุฑตราตั้งพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ขึ้นประดิษฐานเหนืออาคารเอ ของโรงพยาบาลฯ โดยมีคณะผู้บริหารในเครือฯ พร้อมแขกผู้มีเกียรติ และบุคลากรโรงพยาบาล เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

นับเป็นความภาคภูมิใจอันหาที่เปรียบมิได้ทั้งยังเป็นขวัญกำลังใจให้แก่คณะผู้บริหารและบุคลากร ในอันที่จะประกอบคุณงามความดีและดำเนินกิจการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต สืบไป อนึ่ง “ครุฑ” ถือเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชการ นอกจานี้ตราตั้งครุฑ เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยรัชการที่ 5 ทรงพระราชทานแก่ผู้ประกอบธุรกิจการค้าที่ทรงใช้สอยในกิจการราชสำนัก ในรัชมัยต่อๆ มาได้ขยายขอบเขตการพระราชทานตราตั้งแก่บริษัทห้างร้าน ผู้ประกอบธุรกิจกว้างขวางมากขึ้น เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่ประกอบธุรกิจต่างๆ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และเป็นการส่งเสริมการประกอบธุรกิจในประเทศ สำหรับบริษัท ห้าง ร้านที่ได้รับพระราชทานตราตั้งนั้น เปรียบเป็นเอกสารรับรองว่า มีการประกอบการค้าด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีกิจการหลักฐานมั่นคงเป็นที่เชื่อถือแก่มหาชน และเคยมีส่วนทำการค้าติดต่อกับราชสำนักด้วยความจงรักภักดี

“ครุฑพระราชทาน” ของโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา มีขนาด กว้าง 5 เมตร สูง 4.5 เมตร และหนัก 700 กิโลกรัม ขึ้นประดิษฐานบนอาคารเอ ของโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ซึ่งเป็นอาคารหลังแรกที่ได้เริ่มต้นก่อตั้งและดำเนินกิจการโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา มายาวนานกว่า 26 ปี ในการดูแลสุขภาพให้กับประชาชน

ม .นเรศวร ดันกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง สู่แหล่งท่องเที่ยวยุทธศาสตร์ จัดนิทรรศการยกระดับศักยภาพ 5 จังหวัดสักครั้งในชีวิต ในพื้นที่เมืองพัทยา

มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 โดยมี 5 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ตาก และ เพชรบูรณ์ จัดนิทรรศการชูศักยภาพ ภายใต้โครงการพัฒนาสมรรถนะการจัดการแหล่งท่องเที่ยวชุมชน แหล่งท่องเที่ยวนิเวศและเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ณ ศูนย์การค้า Harbor Pattaya

ดร.อาทิตย์ พงษ์พานิช รองผู้อำนวยการวิทยาลัยประชาคมอาเซียนศึกษา และหัวหน้าโครงการพัฒนาสมรรถนะการจัดการแหล่งท่องเที่ยวชุมชน แหล่งท่องเที่ยวนิเวศ และเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 กล่าวว่า ตามแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558-2560 ได้กำหนดไว้ 3 ยุทธศาสตร์ คือการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว การพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยว การบริหารจัดการการท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง 1 คือ จังหวัด พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ตาก และเพชรบูรณ์ มีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่สำคัญหลากหลายทั้งทางนิเวศ เช่น อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง อุทยานแห่งชาติเขาหลวง อุทยานแห่งชาติเขาค้อ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมเช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย พระราชวังจันทร์

ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและมีศักยภาพในการพัฒนาได้เป็นอย่างดี ส่วนด้านกายภาพของภูมิภาคสามารถเชื่อมโยงภายในและภายนอกโดยสะดวก เป็นพื้นที่ผสมผสานทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการบริการอย่างครบถ้วน จุดเด่นของภูมิภาคดังกล่าวทำ ให้มีโอกาสในการพัฒนาและสร้างสรรค์เศรษฐกิจได้กว้างไกลหลากหลายเช่น การเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวด้วยความหลากหลายของทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องในรูปแบบต่างๆ

ดร.อาทิตย์ กล่าวต่ออีกว่า งานนิทรรศการการท่องเที่ยวและนำเสนอผลิตภัณฑ์ 4 ภาค ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 จะเวียนไปตามภาคต่างๆ โดยมีธีมงานหลักคือ 5 จังหวัด สักครั้งในชีวิต โดยนำเสนอศักยภาพและจุดเด่นการท่องเที่ยวทางนิเวศ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์เด่นจาก ทั้ง 5 จังหวัด นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมพิเศษต่างๆ การ เจรจาธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ จุดแสดงภาพถ่าย ของทั้ง 5 จังหวัด

เจ้าของอาคารชุดคอนโดฯ รีเฟลคชัน จอมเทียน บีช พัทยา รวมตัวร้องขอความเป็นธรรม หลังผู้บริหารเปิดประตูให้ นทท.จีน เดินผ่าน

เจ้าของอาคารชุดคอนโดฯ รีเฟลคชัน จอมเทียน บีช พัทยา รวมตัวร้องขอความเป็นธรรม หลัง บ.เมเจอร์ฯ ผู้บริหารคอนโดฯ เปิดประตูหลังให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทะลุโครงการ ชี้ไม่เหมือนในโบว์ชัวร์โฆษณาในตอนแรก พร้อมใช้สิทธิในฐานะผู้ซื้อโดยสุจริต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิติบุคคลอาคารชุดรีเฟลคชั่น จอมเทียน บีช พัทยา จ.ชลบุรี ได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2/2560 โดยมีเจ้าของร่วมผู้ซื้อห้องซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วม โดยมีนายสามภพ บุนนาค นายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมท่าม กลางการอำนวยความสะดวกและรักษาความเรียบร้อยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาจอมเทียน

ด้านนายเดชา เลิศวิไลศักดิ์ ลูกค้ารายหนึ่ง กล่าวว่าแรกเริ่มทางโครงการดังกล่าวโฆษณาผ่านแผ่นพับและโบว์ชัวร์แสดงความชัดเจนของสภาพถนนของโครงการ รวมถึงรั้วรอบขอบชิดที่เป็นทรัพย์สินส่วน กลาง ต่อมาทางบริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ พรอพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารอาคารชุด ได้ทำการเปิดประตูท้ายโครงการซึ่งเป็นพื้นที่ทรัพย์สินส่วนกลางของคอนโดฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแขกของโรงแรมเซ็นทาร่า ที่มีบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มีผู้บริหารชุดเดียวกันเป็นผู้ดำเนิน การ โดยกรณีดังกล่าวไม่มีการสอบถามความคิดเห็นและแจ้งให้เจ้าของสิทธิ์ห้องชุดของคอนโดฯทราบแต่อย่างใด

กรณีนี้ถือว่าอยู่นอกเหนือข้อตกลงหรือข้อมูลตามแบบในโบว์ชัวร์เสนอขายห้องชุดในตอนแรก โดยไม่มีการแจ้งข่าวให้ลูกบ้านทราบแต่อย่างใด เวลาต่อมาคณะกรรมการของโครงการได้มีมติให้ปิดประตูดัง กล่าว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของลูกค้า แต่ทางบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ ฮอสพิทอลลิตี้ ได้ส่งทนายฟ้องร้องคณะกรรมการแต่ไม่ฟ้องร้องนายธนดล คำเชิด ในฐานะผู้จัดการนิติฯ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวส่อไปในทางพิรุธ โดยการใช้สิทธิ์ที่ไม่สุจริตจึงส่งทนายต่อสู้ในชั้นศาลขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง กรุงเทพฯใต้

นายเดชา กล่าวด้วยว่าในฐานะกรรมการคนหนึ่งได้รับมติให้เป็นผู้จัดการนิติฯ ตาม พ.ร.บ.อาคารชุด ม.32 (2) ตามที่ได้รับการรับรองจากกรมที่ดินฯ ตามกฎหมาย จึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์โดยชอบในการต่อสู้เรื่องดังกล่าวเพื่อทวงถามความเป็นธรรมและธรรมาภิบาลในฐานะผู้บริโภคที่สมควรจะได้รับ ซึ่งแต่แรกทางโครงการไม่เคยว่าบอกว่าพวกเราต้องตกอยู่ในภาวะจำยอม ซึ่งต้องยอมให้ลูกค้าของโรงแรมดังกล่าวใช้ทรัพย์สินส่วนกลางร่วมกันกับผู้ซื้อห้องชุดฯ ทั้งที่ราคาของห้องชุดที่ซื้อกันนั้นมีราคาขั้นต่ำตั้งแต่ 6 ล้านบาทไปจนถึง 30 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมที่ไม่มีถูกต้องตามกฎหมาย ในฐานะผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องหาความชอบธรรม

 ด้านนายสามภพ บุนนาค นายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ระบุว่ากรณีพิพาทที่เกิดขึ้นเป็นกรณีทั่วไป ซึ่งกฎหมายก็มีช่องทางให้ปฏิบัติอยู่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของกฎหมาย ซึ่งตนเองมาเป็นประธานในครั้งนี้ไได้มาเข้าข้างใคร เพียงแต่มาช่วยหาข้อยุติให้กับทั้งสองฝ่าย ซึ่งหากไม่เห็นด้วยในประเด็นใด ก็สามารถทำตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมได้ ซึ่งประเด็นการเรียกร้องของผู้ซื้อเป็นในเรื่องของภาวะจำยอมที่กำลังเผชิญ ซึ่งก็ต้องดูข้อตกลงตามสัญญาว่าเป็นอย่างไร แต่อยากให้ทุกอย่างจบด้วยการเจรจาไม่ใช่มาทะเลาะกัน เพราะจะหาข้อสรุปไม่ได้ และไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามในการประชุมดังกล่าวตัวแทนฝั่งกลุ่มผู้ซื้อหรือลูกค้าได้หยิบยกประเด็นซักถามเกี่ยวการบริหารอาคารชุดดังกล่าว ซึ่งไม่ต้องการให้บริษัทเดิมมาทำการบริหารและพิจารณาเพื่อหาบริษัทอื่นที่มีความโปร่งใสเข้ามาทำการบริหารแทน แต่สุดท้ายยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะออกมาเป็นแนวทางใด ซึ่งหลังจากนี้จะได้รอการพิจารณาจากศาล ก่อนดำเนินการในส่วนอื่นๆ ต่อไปด้วยเช่นกัน

พัทยาอัพเดทนิวส์ นำเสนอ ฉับไว เพื่อสังคม