อีเลฟเว่นสตรีท (11street) อีคอมเมิร์ชดังแดนกิมจิรุกตลาดไทย ล่าสุดเลือกพัทยาเปิดตัวขยายฐานการตลาดสู่ภาคตะวันออก หวังอำนวยความสะดวกให้กับคนชอบช้อปออนไลน์

พัทยา-(20 ก.ค. 60) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ โรงแรมเมอร์เคียวพัทยาโอเชี่ยน รีสอร์ท จ.ชลบุรี กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซจากประเทศเกาหลีใต้ภายใต้ชื่อ อีเลฟเว่นสตรีท (11street) นำโดย นายฮง โซล จอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีเลฟเว่นสตรีท ประเทศไทย พร้อมด้วยนายเดวิด โช ผู้จัดการฝ่ายดิจิตอลมาเก็ตติ้ง ร่วมเปิดตัวอีเลฟเว่นสตรีทขยายตลาดออนไลน์สู่ชาวภาคตะวันออก โดยมีสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าร่วม

นายฮง โซล จอน ให้ข้อมูลผ่านล่ามแปลภาษาว่า อีเลฟเว่นสตรีท (11street) เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท SK Telecom ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ ถือเป็นตลาดสินค้าออนไลน์ที่มาเป็นอันดับหนึ่งในแดนกิมจิที่มีสินค้ามากมาย มีระบบการซื้อขายที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มก่อตั้งในปี 2551 ที่ผ่านมาเปิดให้บริการนักช้อปออนไลน์ทั้งในประเทศ รวมถึงต่างประเทศ ทั้ง มาเลเซีย ตุรกี และอินโดนีเซีย

ในส่วนของประเทศไทย อีเลฟเว่นสตรีท ได้เข้ามาเปิดตัวธุรกิจอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีสำหรับลูกค้าชาวไทย จากข้อมูลล่าสุดพบว่ามีตัวเลขผู้ร่วมเข้าร่วมชมแล้วกว่า 17 ล้านราย สามารถขายของบนแพลตฟอร์มของอีเลฟเว่นสตรีทแล้วกว่า 1.6 หมื่นราย มีนักช้อปแล้วกว่า 4.3 แสนราย ถือเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ชที่กำลังมาแรง ก่อนขยายตลาดออนไลน์มาสู่ภาคตะวันออกโดยเลือกเมืองพัทยาเป็นสถานที่เปิดตัวธุรกิจดังกล่าว

ที่ สำนักงานขายโครงการ BluPhere Pattaya ซอยนาจอมเทียน 18 นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ฮาบิเเทท กรุ๊ป จำกัด ได้เปิดตัวโครงการใหม่ บลูเฟียร์ พัทยา คอนโดหรูเพื่อการลงทุน ท่ามกลางคณะสื่อมวลชนเมืองพัทยาหลายแขนง

โดย ฮาบิแทท กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเปิดตัวโครงการ บลูเฟียร์ พัทยา แมเนจ บาย เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเลคชั่น หรือบลูเฟียร์ พัทยา โครงการคอนโดมิเนียมหรูในเขตนาจอมเทียน แหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางทั่วโลก โดยมีจำนวนทั้งหมด 195 ยูนิต มีราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 650 บาท เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และยอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยให้ผลตอบแทนแก่ผู้ซื้อสูงถึง 7% ต่อปี ใน 5 ปีแรก พร้อมดึงเครือโรงแรมระดับโลก เบสท์ เวสเทิร์น เข้ามาบริหาร โครงการ บลูเฟียร์ พัทยา อยู่ห่างจากชายหาดเพียง 100 เมตร

จุดเด่นของโครงการ บลูเฟียร์ พัทยา คือการใช้แบรนด์ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเลคชั่น ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับพรี่เมี่ยมที่สุดของเครือโรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น ในสไตล์บูทีค รีสอร์ท ที่เน้นเรื่องราวที่มาที่ไปของทำเลที่ตั้งและการออกแบบโรงแรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับโรงแรมอื่นๆ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นกว่าแบรนด์ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ ของโครงการที่ผ่าน มา โดยการออกแบบจะมี 2 คอนเซ็ปหลัก ภายในบริเวณล๊อบบี้ ชั้น 1 ของโครงการและสร้างจุดแลนด์มาร์คด้วยต้นไม้เขียวขจีที่นำสายตาขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและคอนเซ็ป น้ำทะเลสีฟ้าที่สื่อถึงบรรยากาศสีฟ้าสวยงามของสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับวิวทะเลและท้องฟ้าสีคราม อันเป็นที่มาของชื่อโครงการที่ให้ผู้เข้าพักสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของการพักผ่อนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้โครงการยังคงคอนเซ็ปการดีไซน์ที่ดูหรูหราและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตามมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว ที่พร้อมจะตอบรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี

พัทยา-ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ สำนักงาน โครงการ CROSSTO PATTAYA OCEANPHERE ซอยนาจอมเทียน 59 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในพัทยา ประเดิมโครงการแรกปีนี้ “CROSSTO PATTAYA OCEANPHERE” POOL VILLA สุดหรูริมชายหาด พร้อมบริการเต็มรูปแบบเสมือนโรงแรม 5 ดาว บนซอยนาจอมเทียน มูลค่า 800 ล้านบาท การันตีผลตอบแทนสูง 7 % ต่อปี เป็นเวลา 5 ปี มั่นใจยอดขายสวนกระแสเศรษฐกิจ

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ประสบการณ์แห่งการพักผ่อนรวมถึงการลงทุนที่คุ้มค่าและไม่เหมือนใคร เปิดเผยถึงแผนธุรกิจบริษัทในปี 2560 โดยมีกลยุทธ์ด้านการลงทุนในทำเลหัวเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะเปิดต่อเนื่องในเขตพัทยา เนื่องจากได้ศึกษาตลาดท่องเที่ยวในพัทยาพบว่ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยใน 10 เดือนแรกของปี 2559 มีอัตราการเข้าพัก (0ccupancy rate) โดยเฉลี่ยเดือนละ75% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ ดังนั้น บริษัทฯจึงเชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในพัทยา ยังมีช่องว่างของตลาดอีกมากโดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม และการท่องเที่ยว โครงการ CROSSTO PATTAYA OCEANPHERE พูลวิลล่า ตากอากาศสุดหรูพร้อมอยู่สไตล์ โมเดิร์น ลักซ์ชัวรี่ รีสอร์ท จำนวน 59 ยูนิต บนเนื้อที่ 9 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท ห่างจากชายหาดเพียง 500 เมตร มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นพูลวิลล่าระดับ 5 ดาว ทั้งโปรแกรมการลงทุนที่การันตีค่าเช่า 7% ต่อปี ต่อปี ต่อเนื่องนานถึง 5 ปี หลังจากปีที่ 5 นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนแบบแบ่งผลกำไร สูงถึง 60% ของกำไร สุทธิจากการบริหารการเช่า นอกจากนี้ยังนำแบรนด์โรงแรมชื่อดังอย่าง ครอสทู รีสอร์ท (X2 Resorts) แบรนด์บูทีค โฮเทล ชื่อดังในเอเชีย ที่โดเด่นในด้านดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา มาบริหารพูลวิลล่าแห่งนี้ เพื่อทำให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลในเรื่องการหาผู้เช่า การดูแลซ่อมแซมพูลวิลล่าและส่วนกลางต่างๆเพื่อให้พร้อมสำหรับรับรองผู้เช่าและนักท่องเที่ยวตลอดเวลา นักลงทุนยังได้รับสิทธิเข้าพักฟรี 14 วัน ต่อปีที่โครงการ หรือ สามารถแลกเปลี่ยนสิทธิเข้าพักที่ ครอสทู เรสซิเดนซ์ (X2 Residences) ที่อื่นๆมากกว่า 15 แห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โครงการครอสทู พัทยา โอเชี่ยนเฟียร์ มีพูลวิลล่า 2 แบบ คือ 1 ห้องนอน ขนาด 138.5 – 193.5 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 201.5 – 267 ตร.ม. โดยทุกยูนิตมาพร้อมสระว่ายน้ำและสวนส่วนตัว ตกแต่งแบบ Fully Furnished ทั้งหลังพร้อมด้วยบันไดวนในบ้านแบบ 2 ห้องนอนที่ดีไซน์ให้เข้ากับสไตล์ โมเดิร์น ลักซ์ชัวรี่และและเครื่องไฟฟ้าครชุด ราคาเริ่มต้นที่ 9.79-15 ล้านบาท หรือ ราคาเฉลี่ย 70,000 บาทต่อ ตร.ม. ปัจจุบันมียอดจองแล้วกว่า 40% โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นการซื้อเพื่อลงทุน 100% ตั้งเป้าปิดยอดขายได้ทั้งหมดภายในปี 2561 นี้

พัทยา-(26 ม.ค. 60) เมื่อเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บริเวณ ชั้น 1 ตึกคอม สาขาพัทยาใต้ ได้มีการเปิดตัว “บิวตี้ฟูล.แคร์.คลีนิก” อย่างเป็นทางการ โดยมี นายเมธาสิทธิ์ โรจรังสฤษฏ์ ผู้บริหาร บิวตี้ฟูล แคร์ คลีนิก เป็นประธานเปิดพร้อมให้การต้อนรับสื่อมวลชนและกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสนใจ

นายเมธาสิทธิ์ ผู้บริหารบิวตี้ฟูล.แคร์.คลีนิก กล่าวว่า สำหรับ บิวตี้ฟูล แคร์ คลินิก เป็นศูนย์ความงามที่ดูแลโดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ด้านผิวพรรณ ปรับแต่งใบหน้าให้สวยงาม ศัลยกรรมเสริมความงามดูแลรูปร่างด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ มีมาตรฐานการรักษา ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดให้บริการ 3 สาขาด้วยกัน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามาเป็นอย่างดี ฟูล.แคร์.คลีนิก จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00-20.00 น.

ภายในงานจัดให้มีกิจกรรมการแนะนำสินค้าและบริการจาก บิวตี้ฟูล แคร์ คลินิก แจกของขวัญ ของรางวัล และโปรโมชั่นฉลองสาขาใหม่ ตึกคอมพัทยาใต้ อาทิ โบท็อกซ์ จากราคาปกติ 15,000 บาท ลดเหลือ 9,000 บาท แถมโบนัสต่อที่ 1 คือ ใช้โบรชัวที่แจกหน้าร้าน เป็นส่วนลดได้ 500 บาท โบนัสต่อที่ 2 คือ รับของแถมเป็นบัตร vip card ทำหน้าใส super white summer จำนวน 10 ครั้ง มูลค่า 2,900 บาท ฟรี โบนัสต่อที่ 3 คือ บัตร vip card สามารถใช้เป็นส่วนลดในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการได้อีก 30% แถมบัตรไม่มีวันหมดอายุด้วย เท่ากับว่า โบท็อกซ์ 1 ขวด ราคาเพียง 5,600 บาท เท่านั้น, ฟิลเลอร์ จากราคาปกติ 15,000 บาท ลดเหลือ 9,000 บาท แถมโบนัสต่อที่ 1 คือ ใช้โบรชัวที่แจกหน้าร้าน เป็นส่วนลดได้ 500 บาท โบนัสต่อที่ 2 คือ รับของแถมเป็นบัตร vip card ทำหน้าใส super white summer จำนวน 10 ครั้ง มูลค่า 2,900 บาท ฟรร โบนัสต่อที่ 3 คือ บัตร vip card สามารถใช้เป็นส่วนลดในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการได้อีก 30% แถมบัตรไม่มีวันหมดอายุด้วย เท่ากับว่า ฟิลเลอร์ 1 กล่อง ราคาเพียง 5,600 บาท เท่านั้น, 3.ร้อยไหมยกกระชับ 50 เส้น ปกติราคา 25,000 บาท ลดเหลือ 10,000 บาท แถมโบนัสต่อที่ 1 คือ ใช้โบรชัวที่แจกหน้าร้าน เป็นส่วนลดได้ 500 บาท โบนัสต่อที่ 2 คือ รับของแถมเป็นบัตร vip card ทำหน้าใส super white summer จำนวน 10 ครั้ง มูลค่า 2,900 บาท ฟรี โบนัสต่อที่ 3 คือ บัตร vip card สามารถใช้เป็นส่วนลดในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการได้อีก 30% แถมบัตรไม่มีวันหมดอายุด้วย เท่ากับว่า ร้อยไหมยกกระชับ 50 เส้น ราคาเพียง 6,600 บาท เท่านั้น, 4.ศัลยกรรมเสริมจมูก ซิลิโคนเกรด A 3 มิติ ปลายหยดน้ำ นิ่ม บิดได้ โด่ง เป็นธรรมชาติ ราคาปกติ 20,000 บาท ลดเหลือ 9,900 บาท แถมฟรีบัตร vip card ทำหน้าใส super white ฟรี3 ครั้ง มูลค่า 2,370 บาท, 5.ผู้มาร่วมกิจกรรมเล่นเกมส์หน้าร้าน รับของสมนาคุณเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดน้ำหนัก ที-พลัส 1 กล่อง ฟรี

พัทยา-(12 ม.ค. 60) เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ เคหะเทพประสิทธิ์ ถนนเทพประสิทธิ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้มีการรวมกลุ่มของพ่อค้าแม่ค้ากุ้งเครฟิชในเมืองพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียง มากกว่า 40 ร้านค้า เปิดตลาดนัดกุ้ง เพื่อคนรักกุ้งโดยเฉพาะ

ซึ่งบรรยากาศโดยรวมได้มีเหล่าบรรดาสาวกผู้หลงใหลในความสวยงามของกุ้งเครฟิชทุกสายพันธุ์ แห่เข้ามาเลือกดูเลือกชมกุ้งเครฟิชที่มีความสวยงามหลากหลายชนิด อาทิ กุ้งก้ามแดง, กุ้งเดสทรัคเตอร์, และในส่วนของกุ้งสีสวยงามก็จะได้แก่ กุ้งไบร์ออเร้นท์, กุ้งสโน, ,กุ้งบลูอัลเลนี่, กุ้งเรดเจแปน, กุ้งโกส ฯลฯ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีความสวยงาม และสีสันที่แตกต่างกันออกไป

ปัจจุบันกุ้งเครฟิช หรือกุ้งสวยงาม นั้นเป็นเหมือนกุ้งเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้เป็นอย่างดี และมีวิธีการจำหน่ายที่แตกต่างกันออกไป กุ้งทุกชนิดสามารถสร้างเม็ดเงินให้พ่อค้าแม่ค้าได้ตั้งแต่ลงเดิน จนถึงตัวโตเต็มวัย ในปัจจุบันกุ้งเครฟิช เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมีผู้นิยมเลี้ยงกันมากขึ้น ทำให้ตลาดกุ้งเครฟิช เติบโตได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับ ตลาดกุ้งพัทยา จะมีขึ้นทุกวันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. ที่ เคหะเทพประสิทธิ์ ถนนเทพประสิทธิ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ที่ชื่นชอบความสวยงามในตัวกุ้งเครฟิชทุกสายพันธุ์ไม่ควรพลาด นอกจากจะมีกุ้งขายแล้ว ยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการเลี้ยงกุ้ง มาวางจำหน่ายกันอย่างครบครัน

พัทยา-(19 ธ.ค. 59) เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน บริเวณกลาง ซอยเขาน้อย ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้ปฐมฤกษ์เปิดห้างสรรพสินค้า The Chilled (เดอะ ชิลล์) และ TOP Market โดยมี นายพีระโรจน์ โล่ชัยสกุล Managing Director ให้การต้อนรับ

นายพีระโรจน์ โล่ชัยสกุล Managing Director ได้เปิดเผยกับทางผู้สื่อว่า การเปิดห้างสรรพสินค้า The Chilled (เดอะ ชิลล์) นั้นเป็นทางเลือกของชาวพัทยาที่อยู่ในโซนหนองปรือ ที่จะได้ช็อปปิ้ง เลือกซื้อสินค้าได้อย่างครบครัน ซึ่งคาดว่าประมาณต้นปี 60 คงจะให้ชาวพัทยาหนองปรือทุกท่านได้ใช้บริการอย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับ ท๊อป มาร์เก็ต ก็เปิดให้บริการแล้วทุกวันตั้งแต่ 07.00-23.00 น. โดยมีสินค้าครบครันภายในห้างสรรพสินค้าที่แรกของหนองปรือ สินค้าครบครันอาหาร ผลไม้ สินค้าอื่น ไว้คอยต้อนรับ เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2560

และนอกจากนี้ทาง ห้างสรรพสินค้า The Chilled (เดอะ ชิลล์) มีลานจอดรถใต้ดินที่จะสามารถรองรับได้มากกว่า 200 กว่าคัน สำหรับโปรโมชั่นพิเศษสุดๆ ตอนนี้ 19-22 ธ.ค 50 ท่านแรกที่ซื้อสินค้าครบ 1 พันบาท รับ กิ๊ฟวอร์เชอร์ มูลค่า 500 บาท ฟรี พร้อมสมัครบัตร The one card ฟรีอีกด้วย

พัทยา-(19 พ.ย. 59) บริษัท อีสเทิร์น ไทย ไรเดอร์ จำกัด ศูนย์บริการครบวงจรผู้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน สาขาพัทยา ได้ฤกษ์เปิดตำนานบทใหม่ด้วย Harley-Davidson Model Year 2017 ณ ศูนย์ ฮาร์เล่ย์ พัทยา ท่ามกลางเหล่านักสาวกฮาร์เล่ย์ ที่ให้ความสนใจเดินทางมาเข้าชม

โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ Roadster ที่จะมาเป็นดาวดวงใหม่แห่งตระกูลยอดฮิตอย่าง Sportster และพระเอกตัวจริงของงานนี้อย่างตระกูล Touring 2017 ที่เรียกว่าเป็นการ “ยกเครื่องใหม่” อย่างแท้จริงเพราะครั้งนี้มาพร้อมกับที่สุดแห่งขุมพลังใหม่หมดจดจากเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight ที่เตรียมจะเขย่าวงการและตอกย้ำความเป็นหนึ่งอีกครั้ง

Roadster คือการสานต่อจิตวิญญาณที่มีความเป็นมายาวนานเกือบ 60 ปี ซึ่งในครั้งนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่ในสไตล์สปอร์ตที่จัดจ้านที่สุดกว่าครั้งไหนๆ ด้วยการผสมผสานระหว่าง การควบคุมที่คล่องแคล่ว โดยมีโช๊คหัวกลับด้านหน้าขนาด 43 mm. และยังมาพร้อมกับระบบดิสเบรคคู่หน้า และระบบ ABS กันสะเทือนหลังแก๊สปรับได้แบบใหม่ เพื่อการควบคุมที่ดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน หน้าปัดมาตรวัดคู่แบบ sport ที่มาพร้อมมาตรวัดแสดงความเร็วและรอบของเครื่องยนต์ และดีไซน์ที่ดูสปอร์ตมากขึ้นด้วยบังโคลนท้ายแบบสั้นเน้นโชว์ยางหลัง ซึ่งจับคู่กับล้อแม็กซ์อลูมิเนียมน้ำหนักเบาลายใหม่ล่าสุด ส่วนตำแหน่งผู้ขับขี่ก็ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การควบคุมรถผสานเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เจ้า Roadster เป็นรถที่ควบคุมได้ง่ายและแสนจะคล่องแคล่วที่สุดรุ่นหนึ่งของ Harley-Davidson เลยทีเดียว และปิดท้ายด้วยหมัดเด็ดกับ เครื่องยนต์ V-Twin Evolution ความจุ 1,200 cc ที่ให้แรงบิดมหาศาลในรอบต่ำที่ยากจะมีเครื่องยนต์อื่นใดในโลกจะทัดเทียม!!!

สำหรับตระกูล Touring รุ่นปี 2017 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการตอกย้ำความเป็นหนึ่งในวงการของแบรนด์ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ด้วยการทำให้เหล่าผู้คลั่งไคล้ในยนตรกรรม 2 ล้อมั่นใจว่าจะไม่มีประสบการณ์การเดินทางครั้งไหนที่จะยอดเยี่ยมไปกว่าการได้อยู่บน Touring 2017 นี้ เริ่มจากดีไซน์สุดอมตะอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล Touring ที่ประดับประดาไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิงขั้นพรีเมี่ยมครบครับ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว คุณภาพสูงที่รวมการควบคุมต่างๆ ไว้เพียงปลายนิ้ว ระบบเครื่องเสียงสุดล้ำจาก Boom Box 6.5 GT พร้อมระบบชดเชยระดับความดังอัตโนมัติ เพื่อความเพลิดเพลินกับเสียงเพลงแบบไม่มีสะดุดและไร้เสียงรบกวนจากรอบข้าง จนทำให้คุณเหมือนนั่งอยู่ในสตูดิโอส่วนตัวเลยทีเดียว และที่ขาดไม่ได้ก็คือหัวใจหลักอย่างเครื่องยนต์ตัวใหม่ล่าสุด “MILWAUKEE-EIGHT ” ขนาด 107 cubic inch (1,750 cc) และขนาด 114 cubic inch (1,870 cc) ในรุ่น CVO ซึ่งนี่คือเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดแต่ก่อเกิดความร้อนยามทำงานต่ำที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา การเดินเครื่องราบลื่นกว่า แรงกว่า ทนทานกว่า การตอบสนองคันเร่งเป็นไปอย่างเฉียบคม และแน่นอนว่าเสียงคำรามเขย่าประสาทจากห้องเครื่อง 4 วาวล์ต่อกระบอกสูบ single cam , twin Plug (2 หัวเทียนต่อ 1สูบ) อันเป็นเอกลักษณ์นั้นไม่เคยถดถอยลงแม้แต่น้อย ขณะที่สมรรถนะ แรงม้า อัตราเร่ง และแรงบิดเหนือกว่าเครื่องยนต์รุ่นพี่ของมันอย่างชัดเจน ส่วนเค้าเตอร์บาลานซ์ และระบบยางรองแท่นเครื่องก็ช่วยลดอาการสะท้านของเครื่องยนต์ลงมากจนคุณจะลืมไปเลยว่าได้ขี่มานานแค่ไหนแล้ว

นอกจากนี้ภายในงานยังมีลูกค้าที่สนใจมาร่วมเทสไรด์กันอย่างคับคั่ง ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์ใหม่ได้แล้ววันนี้ที่ศูนย์ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน พัทยา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 038 255 255

1 กรุ๊ป เดเวลลอปเม้นท์ เปิดตัวโครงการใหม่ Dimond Tower Pratumnak มูลค่าโครงการรวม 2 พันล้าน เผยจุดเด่นห้องอาหารลอยฟ้า 360 องศาสูงที่สุดในเมืองพัทยา

วันนี้ (25 ต.ค.) ที่โครงการ 1-Tower Pratumnak พัทยา จ.ชลบุรี นายมีชัย เถาเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท 1 กรุ๊ป ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้เปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชนแถลงความคืบหน้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ชื่อโครงการ 1-Tower Pratumnak บนทำเลทองริมหาดพระตำหนักพื้นที่กว่า 2 ไร่ ว่าขณะนี้ยอดขายของโครงการโดยลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 65% คาดว่าโครงการก่อสร้างจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในเดือนมิถุนายน 2560

สำหรับโครงการ 1-Tower Pratumnak เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลำดับที่ 4 ของ 1 กรุ๊ป ออกแบบการก่อสร้างเป็นคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยความสูง 20 ชั้น รวม 218 ยูนิต มีทั้งสิ้น 13 แบบ เป็นห้องพักขนาด 1-2 และ 3 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 46-205 ตร.ม. ภายในมีการตกแต่งด้วยดีไซน์ร่วมสมัย เป็นคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยแบบครบวงจร เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย

นายมีชัย เผยต่อไปว่า พร้อมกันนี้ 1 กรุ๊ป ได้เปิดตัวโครงการใหม่ชื่อ Diamond Tower Pratumnak มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 40 ชั้น รวม 400 ยูนิต บนพื้นที่สูงสุดของเมืองพัทยาภายในซอย 3 พระตำหนัก ที่มีความโดดเด่นเป็นร้านอาหาร Diamond Restaurant หรือร้านอาหารหมุนลอยฟ้า 360 องศา พร้อมสวนน้ำขนาดเล็กภายในโครงการ

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจากโครงการที่ผ่านทำให้โครงการ Diamond Tower Pratumnak ได้รับความสนใจจากลุ่มลูกค้าเอเชียติดต่อจองแล้วรวมประมาณ 100 ห้อง เพราะเป็นโครงการที่เหมาะกับกลุ่มตลาดระดับกลางขึ้นไป ตลอดนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยขณะอยู่ในช่วงของการออกแบบเสนอพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม คาดว่าอีกประมาณจะมีความเป็นรูปธรรมในการก่อสร้าง

ศรีราชา-(3 ส.ค. 59) ที่ บริเวณหน้าอาคารสำนักงาน Sitr Office โรงกลั่นไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) โดยนายคุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานผลิตสาร LAB ของบริษัท ลาบิกซ์ จำกัด และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โครงการ ของบริษัท ท็อป เอสพีพี จำกัด โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมพิธี อาทิ นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จีดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) นายทาคุ โมริโมโตะ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัจิการ กลุ่มธุรกิจเพอฟอร์แมนซ์แมททีเรียล บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด นายสุชาติ มัณยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด และนายชาลี บาลมงคล กรนมการผู้จัดการ บริษัท เอสพีพี จำกัด

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกีด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ผู้บริหารและพนักงานมีความยินดีและมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการของธุรกิจทั้งสองธุรกิจในวันนี้ ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 55 ปี ของการก่อตั้งโรงกลั่นไทยออยล์อันเป็นที่ประจักษ์ถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ โดยการมุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ (Core Business) นั้นเป็นหนึ่งกลยุทธ์ของเครือไทยออยล์ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และลดความผันผวนของการดำเนินธุรกิจ โดยโครงการผลิตสาร Linear Alkyl Benzene (LAB) และโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดธุรกิจเครือไทยออยล์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

โรงงานผลิตสาร LAB เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนสิงหาคม 2556 การก่อสร้างโรงงานแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2558 นับเป็นโครงการผลิตสาร LAB รายแรกของประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการนำเข้าสาร LAB จากต่างประเทศ ถึง 3,500-4,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว ยังสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้ถึง 6,000 ล้านบาทต่อปี ช่วยสร้างงานและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ชุมชน

สาร LAB เป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและสารซักล้าง ด้วยเงินลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท จัดเป็นโครงการผลิตสาร LAB รายแรกและรายเดียวของประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่ง มีกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี โดยได้ทำการผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา

โครงการผลิตสาร LAB นี้ มีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียจาก 14 ชุมชนรอบพื้นที่โครงการอย่างเป็นทางการตามกฎหมายเรียบร้อยแล้วเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา รวมทั้งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการก็ได้รับการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการเรียบร้อยแล้ว

ศรีราชา-(3 ส.ค.59) ที่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกีด (มหาชน) พร้อมด้วย นายทาคุ โมริโมตะ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจเพอฟอร์แมนซ์ แมททีเรียล บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของ โรงงานผลิตสาร LAB และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก TOP SPP โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วม

นายอธิคม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกีด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงงานผลิตสาร LAB และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก TOP SPP ถือว่าเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติโครงการหนึ่งระหว่างไทยและญี่ปุ่นของปีนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานและเศรษฐกิจโดยร่วมขยายตัว รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC

โครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กโครงการที่ 1 และ 2 ของบริษัท ท็อป เอสพีพี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยออยล์ นอกจากจะช่วยสนับสนุนความมั่นคงและเสถียรภาพในการผลิตให้กับบริษัทในเครือไทยออยล์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตแล้ว ยังมีส่วนช่วยสนับสนุนความมั่นคงด่านพลังงาน รองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรงมีการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้ กฟผ. โรงละ 90 เมกะวัตต์ และยังสามารถช่วยให้เครือไทยออยล์ประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายไฟฟ้าและไอน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิต เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรงได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

ด้าน นายทาคุ โมริโมตะ กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจเพอฟอร์แมนซ์ แมททีเรียล บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี จำกัด กล่าวว่า “สาร LAB ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผงซักฟอกและสารซักล้างโดยอุปสงค์ของผงซักฟอกและสาร LAB ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของประชากร นอกจากนั้น โรงงานผลิต LAB เป็นโรงงานที่มีการเชื่อมต่อกับโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ (Fully integrated) จึงถือเป็นโรงงานผลิตสาร LAB รายแรกและรายเดียวในภูมิภาคฯ ที่ดำเนินการผลิตสาร LAB อย่างครบวงจร มีการใช้วัตถุดิบจากโรงกลั่นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน รวมถึงเป็นการผลิตภายในประเทศเพื่อใช้สำหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ทำให้ลักษณะการประกอบกิจการมีความสามารถในการแข่งขันที่สูง ทั้งยังได้รับการขับเคลื่อนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยทางด้านการปฏิบัติการจากไทยออยล์ และด้านการตลาดจากมิตซุยแอนด์คัมปนี ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการตลาด LAB เป็นอย่างดี จุดแข็งในด้านการผลิตของเครือไทยออยล์ และเครือข่ายการตลาดที่เข้มแข็งของมิตซุยจึงเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกัน จึงมั่นใจได้ว่า บจ.ลาบิกซ์ จะเป็นบริษัทที่มีความได้เปรียบและมีความเข้มแข็งทางธุรกิจ”